PPS เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 รายได้ 185.94 ล้านบาท ตุน Backlog 534.95 ล้านบาททิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังเล็งตลาดใหม่ต่างประเทศเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ เดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชนต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์การบริหารงานในองค์กร มุ่งเน้นรักษาต้นทุนการดำเนินงาน
ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปี 2567 จะทยอยเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก จากมาตรการภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และได้รับแรงสนับสนุนจากธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจค้าปลีก ซึ่งจะส่งผลให้มีการลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในครึ่งปีแรก 2567 บริษัทได้มองหาตลาดใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยมุ่งเน้นธุรกิจก่อสร้างในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทต่างชาติ คาดว่าจะเริ่มต้นรับงานบริหารโครงการ และควบคุมงานก่อสร้างเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สร้างรายได้แก่บริษัท
นอกจากนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับงานหลักจากโครงการภาครัฐ และเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการลูกค้าเดิม อาทิ Lotus / CPN / กรมโยธาธิการและผังเมือง (DPT) และโครงการอื่นๆ นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าประมูลงานโครงการใหม่ เพื่อเพิ่มงานในมือให้มากขึ้น ปัจจุบันมี Backlog ณ 30 มิ.ย. 2567 จำนวน 534.95 ล้านบาท อีกทั้งยังคงดำเนินงานโครงการที่แหลมยามูและรับงานที่ปรึกษาโครงการที่จังหวัดภูเก็ตเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมีรายได้รวม 185.94 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวม 207.36 ล้านบาท จำนวน 21.42 ล้านบาท หรือ 10.33% และมีขาดทุนสุทธิ 11.54 ล้านบาท ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 บริษัทมีรายได้รวม 87.13 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 105.16 ล้านบาท จำนวน 18.03 ล้านบาท หรือลดลง 17.15% และมีขาดทุนสุทธิ 9.90 ล้านบาท
ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากความไม่ชัดเจนในการขยายระยะสัญญาของส่วนงานภาครัฐ ภาพรวมการดำเนินธุรกิจหลักงานวิศวกรที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างชะลอตัวลง รวมถึงการแบ่งสัดส่วนผลขาดทุนของบริษัทร่วม บริษัท โปรเจคท์ ทู พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่อยู่ระหว่างรอดำเนินการขายโครงการ หากปิดการขายได้จะเกิดการรับรู้รายได้
ปัจจุบันบริษัทปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการ มุ่งเน้นรักษาต้นทุนการดำเนินงานให้มีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยี KANNA และ Halo Builder เข้ามาควบคุม และบริหารงานก่อสร้าง ซึ่งช่วยในเรื่องลดระยะเวลาทำงานให้สั้นลง ลดต้นทุนการทำงานของพนักงาน ลดความสิ้นเปลืองทรัพยากรจากการใช้เอกสาร ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุน และรักษาต้นทุนในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มผลประกอบการแก่บริษัทได้มากขึ้น