การแข่งขัน S.Pellegrino Young Chef Academy Competition 2024-25 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาและพัฒนาเชฟรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์อายุต่ำกว่า 30 ปีจากทั่วโลก ได้ประกาศรายชื่อเชฟมากเอเชียจำนวน 10 คน เพื่อเข้าสู่การแข่งขันรอบภูมิภาคซึ่งจะจัดขึ้น ณ ฮ่องกงในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2567 นี้

เชฟรุ่นใหม่ 10 คนจากทวีปเอเชียได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัครนับพันคนจากทั่วโลกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารจากสถาบัน ALMA โรงเรียนสอนศิลปะการประกอบอาหารชั้นนำของโลกจากประเทศอิตาลี โดยใช้หลักเกณฑ์ 3 ข้อ ได้แก่ ความสามารถด้านเทคนิค ความสร้างสรรค์ และการแสดงถึงความเชื่อมั่นในพลังและความสำคัญของศิลปะในการรังสรรค์อาหาร เชฟรุ่นใหม่เหล่านี้จะได้รับเชิญมาแสดงทัศนคติต่ออนาคตของวงการอาหารด้วยการปรุงเมนูที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด 7 ท่านทำหน้าที่ตัดสินจากหลักเกณฑ์ข้างต้น

เชฟที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะได้รับรางวัล S.Pellegrino Young Chef Award (ทวีปเอเชีย) และจะได้เข้าร่วมแข่งขันกับผู้ชนะจาก 14 ภูมิภาคทั่วโลกในรอบชิงชนะเลิศระดับโลกที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลีในเดือนตุลาคมปีหน้า เพื่อคว้าตำแหน่งผู้ชนะ S.Pellegrino Young Chef Academy Award 2024-25 อันทรงเกียรติจากทั่วโลก

หนึ่งในผู้ที่เข้าใจความสำคัญการแข่งขันของรอบคัดเลือกในทวีปเอเชียมากที่สุดคนหนึ่งคือ เชฟเควิน หว่อง (Kevin Wong) เชฟมาเลเซียมาก จากร้านอาหาร Seroja ในประเทศสิงคโปร์ ที่เคยคว้าอันดับ 3 ในรอบชิงชนะเลิศปีพ.ศ. 2564 นอกจากนี้เขาได้รับรางวัลอื่นๆ มากมาย รวมถึงการติดอันดับ 31 ในรายชื่อร้านอาหารที่ดีที่สุดใน Asia’s 50 Best Restaurants 2024 รางวัล Highest New Entry Award 2024 และได้รับดาวมิชลินหลังจากการแข่งขันเพียง 3 ปี เขากล่าวว่า “เวทีนี้เป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมสำหรับเชฟรุ่นใหม่ที่มีความทะเยอทะยาน ต้องการที่จะหาความสำเร็จและสร้างเครือข่ายในวงการอาหาร ที่นี่นอกจากจะเป็นการแข่งขันแล้ว ยังได้สร้างความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมร่วมกับเชฟจากหลายประเทศในภูมิภาคอีกด้วย คุณภาพและความสามารถของผู้เข้าร่วมก็พัฒนาขึ้นในทุก ๆ ปี ทำให้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้จากกันและกันได้มากยิ่งขึ้น”

รายชื่อผู้เข้าแข่งขันในรอบภูมิภาคเอเชียของ S.Pellegrino Young Chef Academy Competition 2024 มีดังต่อไปนี้:

• ซิโมน สการ์ปาโร จากร้าน Luna By Clara จากกรุงเทพฯ ประเทศไทย กับเมนู ‘Hidden In The Beeswax’
• นุสิตา วุฒิเดช จากร้าน Elements, inspired by Ciel Bleu ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย กับเมนู ‘Thai Heritage’
• อัศวิน กุมาร กรณัต ซุบรามาเนียน จาก Four Seasons Resort Landaa Giraavaru มัลดีฟส์ กับเมนู ‘Shells Break The Shell’
• สเตฟาน เดอ แกรฟ จากร้าน SyrcoBASÈ ในบาหลี อินโดนีเซีย กับเมนู ‘Where The Flavors Of Heritage Meet The Spices Of The Present’
• อาร์ดี้ เฟอร์กูสัน จากร้าน Belon ในฮ่องกง กับเมนู ‘Archipelago Celebration’
• วาเรียนโด วาห์ยุ จาก Maya Sanur Resort ในบาหลี อินโดนีเซีย กับเมนู ‘Go Local Or Go Home’
• เจียจุน หลอ จากร้าน Province ในสิงคโปร์ กับเมนู ‘Long Island Duck with Jambu, Bue Ta Na rice Donabe With Braised Duck Legs, Garden Pickles and Duck Broth’
• วิลเลี่ยม ยี จากร้าน Labyrinth ในสิงคโปร์ กับเมนู ‘Childhood Flavours of “Da Pai Dang (Malaysian Food Street)”’
• แจ โฮ คิม จาก Meat & Co. Steakhouse ที่ Andaz Seoul Gangnam ในเกาหลีใต้ กับเมนู ‘Grandmother’s Pheasant’
• สุดท้ายคือ ไอ อิชิโนเซะ ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นเชฟอิสระ แต่ก่อนหน้านี้ทำงานที่ร้าน LURRA˚ ในเกียวโต กับเมนู ‘Hopes For the Future of Food’

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เข้าแข่งขันในปีนี้ได้ที่ https://www.sanpellegrinoyoungchefacademy.com/

 

คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิระดับภูมิภาค
เชฟที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคนี้หลายท่านได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรรมการในการแข่งขันรอบภูมิภาคเอเชียปีนี้ คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยเชฟจากภูมิหลังและประเภทอาหารที่หลากหลายจะได้ตัดสินเชฟรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์สูงสุดจากภูมิภาค โดยในปีนี้คณะกรรมการมีเชฟชื่อดังอย่าง เชฟตาม ชุดารี เทพาคำ แห่ง ‘บ้านเทพา’ หญิงไทยคนแรกผู้คว้ารางวัลดาวมิชลินสำเร็จถึง 2 ในกรุงเทพฯ ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่มุ่งเน้นวัตถุดิบท้องถิ่น ความยั่งยืน และความคิดสร้างสรรค์ในการทำอาหาร เชฟตามกล่าวว่า “เมื่อวงการไฟน์ไดนิ่งในประเทศไทยพัฒนา การแข่งขันแบบนี้จึงมีความสำคัญในการผลักดันพรสวรรค์ในท้องถิ่น เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเชฟรุ่นเยาว์ในการแสดงความคิดสร้างสรรค์และอาหารของพวกเขาในฐานะผู้นำในอนาคตของอุตสาหกรรมของเรา”

เชฟอีก 6 ท่านที่ในปีนี้ได้แก่ วิกกี้ เฉิง จากร้าน Wing ในฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันอยู่อันดับที่ 5 ในรายชื่อ Asia’s 50 Best Restaurants 2024 และ เชฟอเลสซานโดร กวาร์เดียนี (Alessandro Guardiani) หัวหน้าเชฟจาก MUNI Alain Ducasse ที่ได้รับดาวมิชลินหนึ่งดวงในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยเขานำเสนอวิธีการทำอาหารฝรั่งเศสที่มีชั้นเชิงจากประสบการณ์ทำงานร่วมกับเชฟอแลง ดูคาสกว่าทศวรรษในลอนดอน ปารีส และโมนาโก
เชฟเดวิด ไล เคยทำงานร่วมกับเชฟชื่อดังอย่างอลิซ วอเตอร์ส และอแลง ดูคาส ก่อนที่จะเปิดร้านอาหาร Neighborhood ของตนเองในฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันติดอันดับที่ 16 ในรายชื่อ Asia’s 50 Best Restaurants 2024

เชฟวิกกี้ ลอว์ เป็นหนึ่งในเชฟที่โดดเด่นที่สุดในเอเชีย โดยได้รับดาวมิชลินสองดวงที่ Tate Dining Room และอีกหนึ่งดาวมิชลินและหนึ่งดาวมิชลินสีเขียวจากร้าน MORA ร้านอาหารที่เน้นการทำอาหารจากถั่วเหลืองในฮ่องกง

เชฟริชชี่ ลิน ชาวฮ่องกงที่ก่อตั้งร้าน Mume ในไทเปในปี พ.ศ. 2557 มีมุมมองสากลในการทำอาหาร โดยผสมผสานการตกแต่งจานแบบนอร์ดิกที่เรียบง่ายเข้ากับวัตถุดิบท้องถิ่นจากไต้หวัน ร้านอาหารนี้ติดอันดับที่ 34 ในรายชื่อ Asia’s 50 Best Restaurants 2024

ท้ายที่สุด คือเชฟโยฮันเน ซิย (Johanne Siy) จากเมืองดากูปัน ประเทศฟิลิปปินส์ แต่ปัจจุบันอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เชฟและเจ้าของร้าน Lolla ซึ่งนำเสนออาหารอันโดดเด่นสไตล์ยุโรปร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเอเชีย ซึ่งมักสะท้อนถึงวัฒนธรรมจากบ้านเกิดและได้พาร้าน Lolla ติดอันดับที่ 43 ใน Asia’s 50 Best Restaurants 2024

ติดตามไฮไลท์ของวันแข่งขันในโซเชียลมีเดียในวันที่ 28 ตุลาคมนี้

ฮ่องกง เป็นหนึ่งในเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจในวงการอาหารที่สุดในโลก ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันปลายเดือนตุลาคมนี้ และจะเป็นครั้งแรกที่ฮ่องกงจะเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2558

ไซมอน วิลสัน ผู้ที่เป็นที่รู้จักในอินสตาแกรมจากการสัมภาษณ์ Forklore ยอดนิยม จะเป็นผู้ดำเนินงานในครั้งนี้ โดยจะนำเสนอไฮไลท์ของการแข่งขันผ่านทางอินสตาแกรมของ @forklore.asia
หลังจากการแข่งขันของเชฟรุ่นใหม่ทั้ง 10 คนแล้ว จะมีการประกาศรางวัล 4 รางวัลในงานกาล่าที่โรงแรม The Murray Hong Kong ในคืนของวันที่ 28 ตุลาคม ได้แก่:
• S.Pellegrino Young Chef Academy Award – ตัดสินโดยคณะกรรมการท้องถิ่นจากแต่ละภูมิภาค โดยจะประเมินจานอาหารตามเกณฑ์: ทักษะการทำอาหาร ความคิดสร้างสรรค์ และความเชื่อมั่นในเศิลปะการทำอาหาร
• S.Pellegrino Social Responsibility Award – คัดเลือกโดยคณะกรรมการจาก Sustainable Restaurant Association ซึ่งดำเนินโครงการ Food Made Good รางวัลนี้จะมอบให้กับจานที่สะท้อนการปฏิบัติที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในการทำอาหาร
• Acqua Panna Connection in Gastronomy Award – มอบให้กับจานที่สะท้อนมรดกทางอาหารของภูมิภาคของตัวเชฟ โดยจะต้องแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างประเพณีการทำอาหารกับวิสัยทัศน์สมัยใหม่
• Fine Dining Lovers Food for Thought Award – ลงคะแนนโดยผู้อ่าน Fine Dining Lovers มอบให้แก่เชฟรุ่นใหม่ที่นำเสนอความเชื่อส่วนตัวผ่านจานอาหารได้ดีที่สุด