ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในประเทศไทย เปิดตัว “THAINOSAUR” (ไทยโนซอร์) นิทรรศการไดโนเสาร์พันธุ์ไทย ที่จะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปสู่แผ่นดินสยามเมื่อหลายล้านปีก่อน เพื่อสำรวจโลกของไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทยและเหล่าสัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่เคยอาศัยอยู่บนแผ่นดินสยามได้อย่างครบเครื่องและสมบูรณ์แบบที่สุด
ทุกย่างก้าวราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในยุคทองของไดโนเสาร์ครองโลก นี่คือโอกาสดีที่สุดที่คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ในโลกดึกดำบรรพ์ ชนิดที่แฟนพันธุ์แท้ไดโนเสาร์ทุกเจนฯ ไม่ควรพลาด พร้อมจัดแสดงให้ชมระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคมถึง 2 พฤศจิกายน 2568 ณ ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) ก่อนที่ไดโนเสาร์พันธุ์ไทยทั้งหมดจะไปประกาศความยิ่งใหญ่สู่สายตาชาวโลก!
เมื่อความหลงใหลจุดประกายอาณาจักร “ไดโนเสาร์พันธุ์ไทย” และสัตว์ดึกดำบรรพ์
นิทรรศการ THAINOSAUR ไม่ได้เพียงแค่การจัดแสดงซากดึกดำบรรพ์และร่องรอยบรรพชีวิน แต่คือผลพวงจากความฝันและความหลงใหลที่มีต่อโลกดึกดำบรรพ์ของ คุณพิริยะ วัชจิตพันธ์ ผู้ก่อตั้งท่าพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งยังเป็นนักสะสมผลงานศิลปะและนักสะสมซากฟอสซิลตัวยงของไทย เส้นทางนักสะสมของเขาเริ่มต้นสมัยเรียนมัธยมที่สหรัฐอเมริกา จากความหลงใหลในซากฟอสซิลไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ผลักดันให้เขาศึกษา ค้นคว้า และออกเดินทางไปตามงาน Fossil Fairs ต่างๆ ทั่วอเมริกา เพื่อตามหาสมบัติล้ำค่าเหล่านี้
“ระหว่างเรียนผมก็ทำงานพาร์ทไทม์เป็นเด็กล้างจานในโรงอาหาร เก็บเงินได้ก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไปดูงาน Fossil Fairs ตามเมืองต่างๆ แล้วผมก็ซื้อฟอสซิลเล็กๆ มาเก็บสะสมไว้เป็นคอลเล็กชันส่วนตัว พอกลับมาเมืองไทยก็เริ่มศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการขุดค้นพบไดโนเสาร์ในบ้านเรา ครั้งหนึ่งผมไปเดินหาฟอสซิลที่จตุจักร แล้วเจอร้านขายของเก่าที่มีเศษฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์นำมาทำเป็นที่ทับกระดาษ หลังจากพูดคุยกับเจ้าของร้านเลยรู้ว่า ที่บ้านต่างจังหวัดของเขาพบเศษฟอสซิลแบบนี้เยอะมาก ก็เลยขอให้เขาพาไปที่โคราช คือเวลาดูดทรายจะมีเศษฟอสซิลต่างๆ มาติดท่อดูดทราย ซึ่งถ้าเป็นต่างประเทศฟอสซิลเหล่านี้มีคุณค่ามหาศาลและนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ขณะที่บ้านเราไม่เห็นค่าและเอาไปทุบเป็นเศษเล็กๆ น้อยๆ แล้วกองไว้ที่ศาลพระภูมิ” การสะสมของคุณพิริยะไม่ใช่แค่การรวบรวมเศษซากฟอสซิล หากแต่คือการรวบรวมเรื่องราว การทำความเข้าใจอดีตของสิ่งมีชีวิตบนโลก และการเชื่อมโยงความรู้เข้าด้วยกัน จากคอลเลกชันส่วนตัวที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงมุ่งมั่นที่จะแบ่งปันความรู้และ
ความตื่นเต้นนี้ให้กับสาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไทย เพราะเขาเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพและหลักฐานทางบรรพชีวินวิทยาที่น่าทึ่ง ทั้งการค้นพบไดโนเสาร์ไทยหลากหลายสายพันธุ์ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
“ผมสะสมซากฟอสซิลสัตว์ดึกดำบรรพ์มานานกว่า 30 ปีแล้วครับ แต่ผมก็เชื่อว่า คนไทยยังไม่ค่อยรู้ว่าบ้านเรามีไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์เยอะมาก เวลาพูดถึงไดโนเสาร์ก็จะไปนึกถึงสายพันธุ์ดังๆ ที่เห็นในภาพยนตร์ฮอลลีวูด ทั้งที่จริงๆ แล้วบ้านเรามีไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์หลาย 100 ชนิด ที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนในโลกนอกจากประเทศไทย รวมถึงไดโนเสาร์ที่ค้นพบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน นิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนไทยได้รับรู้และภูมิใจว่า ไดโนเสาร์ไทยก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้สายพันธุ์อื่นในโลก”
THAINOSAUR จึงไม่ใช่แค่นิทรรศการทั่วไป แต่เป็นเหมือนบันทึกประวัติศาสตร์ที่ฟื้นคืนลมหายใจไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่เคยอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยอย่างครบถ้วนและสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นผลงานที่เกิดจากความทุ่มเทและความปรารถนาที่จะจุดประกายความสนใจในวิทยาศาสตร์ และมรดกทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แก่คนทุกเพศทุกวัย ให้เข้ามาสัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของโลกดึกดำบรรพ์ และร่วมภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์อันยาวนานของผืนแผ่นดินไทย
จากใต้พิภพสู่ปัจจุบัน: ท่องเวลาสู่ถิ่นอาศัยของไดโนเสาร์บนแผ่นดินไทย
THAINOSAUR นิทรรศการที่รวบรวมเรื่องราวของไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ขุดค้นพบในเมืองไทยไว้ครบครันที่สุด จัดแสดง “มหายุคพาลีโอโซอิก” (Paleozoic Era) มหายุคก่อนไดโนเสาร์จะครองโลก, “มหายุคมีโซโซอิก” (Mesozoic Era) หรือยุคทองของไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่ยุคไทรแอสซิก (Triassic Period) ยุคจูแรสซิก (Jurassic Period) จนถึงยุคครีเทเชียส (Cretaceous Period) ช่วงเวลาที่สัตว์ดึกดำบรรพ์และไดโนเสาร์ยิ่งใหญ่ที่สุดบนแผ่นดินสยาม ไปจนถึง “มหายุคซีโนโซอิก” (Cenozoic Era) ยุคที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมท่องตระเวนไปทั่วประเทศไทย พร้อมนำเสนอข้อมูลบรรพชีวินที่ครบถ้วนและถูกต้องที่สุด ณ ช่วงเวลาปัจจุบัน
เคน – กษิดิศ เอี่ยมละออ เจ้าของเพจ Mr.DinoDigger หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านไดโนเสาร์และทีมงานเบื้องหลังการจัดนิทรรศการในครั้งนี้ เล่าให้ฟังว่า กว่าจะมาเป็นนิทรรศการที่รวบรวมไดโนเสาร์พันธุ์ไทยและสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่หาดูยากไว้ในที่เดียว ทีมงานรุ่นใหม่ได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลทางบรรพชีวินวิทยาล่าสุดเพื่อความสมจริงมากที่สุด ทั้งยังเนรมิตอาคาร 3 ชั้นของท่าพิพิธภัณฑ์เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวตล้านปี โดยแบ่งออกเป็นยุคต่างๆ เริ่มจากชั้น 1 ที่จัดแสดง “มหายุคพาลีโอโซอิก” (Paleozoic Era) รวมสัตว์ดึกดำบรรพ์อายุเก่าแก่กว่าไดโนเสาร์ และ “ยุคไทรแอสซิก” (Triassic Period) ช่วงเวลาที่ไดโนเสาร์ซอโรพอดอย่าง อีสานโนซอรัส ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกบนโลก
“ไฮไลท์ของนิทรรศการนี้อยู่บนชั้น 2 ซึ่งจัดแสดงยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของไดโนเสาร์คือ “ยุคจูแรสซิก” (Jurassic Period) ที่มีไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ และ “ชาละวัน ไทยแลนดิคัส” (Chalawan thailandicus) พญาจระเข้ขนาด 8 เมตร และ “ยุคครีเทเชียส” (Cretaceous Period) ซึ่งรวมไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียงของไทย ทั้งสยามโมไทรันนัส, ภูเวียงโกซอรัส, กินรีไมมัส รวมไปถึงสยามโมซอรัส ส่วนชั้น 3 จะช่วงเวลาสุดท้ายของไดโนเสาร์ไทยที่จัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์จริงและจำลอง ไฮไลท์อยู่ที่โครงกระดูกภูเวียงโกซอรัสและสยามแรพเตอร์ รวมถึงไดโนเสาร์กินพืชที่เรารวบรวมมาได้ เพื่อบอกเล่ายุคสุดท้ายก่อนการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของไดโนเสาร์”
เคนกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เขาอยากให้คนไทยได้รับองค์ความรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์พันธุ์ไทยและสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างๆ ที่พบในเมืองไทยอย่างสมจริงและถูกต้องที่สุด ไม่ว่าจะเป็นไดโนเสาร์มีขนพันธุ์ไทยที่จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้ พร้อมการนำเสนอในรูปแบบที่คนไทยไม่เคยเห็นมาก่อน “รับรองว่า THAINOSAUR จะเป็นนิทรรศการที่สร้างตื่นเต้นเร้าใจให้ทุกคนอย่างแน่นอนครับ”
ปลุกชีวิตดึกดำบรรพ์ ผ่านแอนิเมชันสมจริง!
ก้าวข้ามขีดจำกัดของตำราเรียนและฟอสซิลที่เคยหยุดนิ่ง เมื่อนิทรรศการ THAINOSAUR ใช้เทคโนโลยีแอนิเมชัน เพื่อจำลองภาพเคลื่อนไหวและพฤติกรรมของไดโนเสาร์พันธุ์ไทย อ้างอิงจากหลักฐานทางบรรพชีวินวิทยาที่แม่นยำ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านไดโนเสาร์ นักธรณีวิทยา และผู้เชี่ยวชาญด้านแอนิเมชันของไทย เพื่อสร้างเหล่าไดโนเสาร์เสมือนจริงขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ เหมือนพวกมันกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง ละเอียดทุกผิวสัมผัส สมจริงทุกการเคลื่อนไหว
“ความท้าทายในการทำงานครั้งนี้อยู่ที่การทำไดโอรามา (Diorama ผลงานมิติทัศน์ หรือการจำลองฉากใดฉากหนึ่งขึ้นมาในรูปแบบสามมิติ) ขนาดใหญ่ติดบนกำแพงสูง 3 เมตร ยาวกว่า 20 เมตร ซึ่งต้องใช้ความละเอียดและเทคโนโลยีในการทำงานที่มีความละเอียดสูงมากขึ้น เพื่อให้รู้สึกเสมือนเดินเข้าไปอยู่ในยุคไดโนเสาร์” ชัชรินทร์ สมบูรณ์ ผู้จัดทำภาพประกอบและแอนิเมชัน
แม้ส่วนหนึ่งของแอนิเมชั่นจะเริ่มต้นจากภาพประกอบในหนังสือ “ดึกดำบรรพ์พันธุ์ไทย” นำมาต่อยอดเป็นการนำเสนอรูปแบบใหม่ แต่สำหรับเขาถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายและสร้างความภูมิใจในเวลาเดียวกัน ในฐานะผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของ สยามโมไทรันนัส อีสานเอนซิส (Siamotyrannus isanensis) นักล่าแห่งที่ราบสูงโคราช หรือ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosaurus sirindhornae) ไดโนเสาร์กินพืชขนาดยักษ์ เขาทุ่มเทให้กับการสร้างภาพประกอบและแอนิเมชั่น เพื่อให้ผู้เข้าชมเห็นการเคลื่อนไหว การล่าเหยื่อ และการใช้ชีวิตในฝูงที่สมจริงราวกับมีชีวิตอยู่ตรงหน้า รวมถึงสร้างความเข้าใจในระบบนิเวศดึกดำบรรพ์ได้อย่างลึกซึ้ง
“ในส่วนของแอนิเมชันจะใช้ประกอบการเล่าเรื่องราวเหมือนเป็น Introduction ของนิทรรศการในแต่ละชั้น เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ชมรู้ถึงความเป็นมาของไดโนเสาร์หรือสัตว์ดึกดำบรรพ์ในยุคต่างๆ รวมไปถึงได้เห็นภาพเคลื่อนไหวของไดโนเสาร์ที่สมจริง เพื่อให้เข้าใจประวัติศาสตร์ในยุคนั้นมากขึ้น ส่วนภาพประกอบจะพาเราเดินทางไปสู่ยุคของไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่คุณอาจจะเคยเห็นในหนังสือ ภาพยนตร์ หรือนิทรรศการ แต่ผมเชื่อว่า คุณจะไม่เคยเห็นนิทรรศการไดโนเสาร์ที่ครบเครื่องที่สุดแบบนี้มาก่อน ไม่มีที่ไหนในโลกนี้ที่จัดแสดงไดโนเสาร์พันธุ์ไทยได้ถูกต้อง สวยงาม และครบถ้วนที่สุดเท่านิทรรศการนี้อย่างแน่นอน ผมอยากให้ทุกคนมาชมกันมากๆ แล้วร่วมภูมิใจในความเป็นไดโนเสาร์พันธุ์ไทยแท้ไปด้วยกันครับ”
ประจันหน้ากับ “ไดโนเสาร์พันธุ์ไทย” ไซส์จริงสุดยิ่งใหญ่!
ความน่าสนใจของนิทรรศการ THAINOSAUR ไม่ได้จัดแสดงเพียงโครงกระดูกไดโนเสาร์พันธุ์ไทย หุ่นจำลอง และฟอสซิลสัตว์ดึกดำบรรพ์เท่านั้น แต่เนรมิตพื้นที่ของท่าพิพิธภัณฑ์ให้กลายเป็นถิ่นที่อยู่อาศัย (Habitat) ของสิ่งมีชีวิตยุคดึกดำบรรพ์ได้อย่างสมจริงมากที่สุด เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกราวกับได้เดินสำรวจป่าเขตร้อนยุคครีเทเชียสของภาคอีสาน และที่ราบลุ่มริมแม่น้ำในยุคจูแรสซิก ผ่านการจำลองสภาพแวดล้อมและพืชพรรณโบราณ ทำให้เกิดประสบการณ์ที่สมจริงราวกับได้ร่วมคณะสำรวจย้อนเวลาไปในอดีต
“สัตว์ดึกดำบรรพ์สายพันธุ์ไทยที่เราจำลองขึ้นมามีประมาณ 20 กว่าสายพันธุ์ ตั้งแต่ ไดโนเสาร์ ฉลาม จระเข้ ช้างโบราณ โดยเราจะนำเสนอการเคลื่อนที่ของสัตว์แต่ละชนิดผ่านแอนิเมชัน อ้างอิงจากการเคลื่อนไหวของสัตว์ในปัจจุบันเพื่อให้สมจริงมากที่สุด ส่วนตัวหุ่นจำลองจะจัดท่าทางให้ดูเหมือนกับดำรงชีวิตในธรรมชาติ อย่าง “สยามโมซอรัส” ที่ออกแบบท่าทางให้เหมือนกำลังล่าเหยื่อท่ามกลางสภาพแวดล้อมจริงของมัน รวมถึง “สเตโกซอร์” (ไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่ค้นพบในประเทศไทย) นำมาจัดแสดงไซส์จริงในท่วงท่าสะบัดหนามแหลมคมที่ปลายหางเพื่อป้องกันตัวจากนักล่าที่ปราดเปรียวอย่าง “ไทแรนโนซอรอยด์” ครับ” อัฑฒ์ ศรีวิสาร นักวิจัยด้านบรรพชีวินวิทยารุ่นใหม่ พูดถึงการทำงานเบื้องหลังในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านบรรพชีวินวิทยาและสัตววิทยา (Palaeontology and Zoology)
อัฑฒ์ ทำหน้าที่ในการควบคุมการออกแบบหุ่นจำลองที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการ ตั้งแต่โครงกระดูก ลักษณะกล้ามเนื้อ จนถึงผิวหนังและเส้นขนของไดโนเสาร์แต่ละสายพันธุ์ อ้างอิงตามหลักบรรพชีวินวิทยา กายวิภาคศาสตร์ สัตววิทยา (วิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ในทุกแง่มุม) และหลักวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องครบถ้วนที่สุดในเวลานี้ รวมไปถึงการอ้างอิงจากสัตว์ที่มีความใกล้เคียงกับไดโนเสาร์อย่างนกกับจระเข้ เพื่อให้ลักษณะท่าทางและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ สมจริงมากที่สุด
“การค้นพบที่น่าทึ่งคือ “สีของไดโนเสาร์” ที่เกิดจากร่องรอยเมลาโนโซม (Melanosome) กระเปราะเม็ดสีของผิวหนังและสีขนที่แท้จริงของไดโนเสาร์ที่มีความใกล้เคียงกับสีของนก ทำให้นักบรรพชีวินวิทยาทราบว่าไดโนเสาร์บางตัวมีสีสันสวยกว่าที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์หรือนิทรรศการทั่วไป อย่างไดโนเสาร์คอยาวที่หลายคนคุ้นเคยกับสีหม่น หลังจากนักบรรพชีวินวิทยาในอเมริกาค้นพบเม็ดสีที่แท้จริงของมันทำให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้วไดโนเสาร์คอยาวบางชนิดมีฟอสซิลผิวหนังที่ประกอบด้วยเม็ดสีเหลืองหรือสีส้ม ซึ่งไดโนเสาร์พันธุ์ไทยก็อาจจะมีสีสันสวยงามใกล้เคียงกับนกในปัจจุบัน มากกว่าภาพลักษณ์ไดโนเสาร์สีหม่นที่เคยคุ้นตาเช่นกันครับ”
นอกจากนี้ หัวใจสำคัญของนิทรรศการคือการจัดแสดงหุ่นจำลองขนาดเท่าจริง (Life-sized Model) ของไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบในประเทศไทย ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นจากการศึกษาข้อมูลงานวิจัยทางบรรพชีวินวิทยาล่าสุดอย่างละเอียด ทุกชิ้นถูกปั้นและลงสีด้วยความประณีตสูงสุด เพื่อเก็บรายละเอียดทางกายภาพ ทั้งพื้นผิวหนัง กล้ามเนื้อ และร่องรอยบาดแผล ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จริงๆ ถือเป็นการนำเสนอหุ่นจำลองไดโนเสาร์พันธุ์ไทยที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสมจริงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อให้คุณสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตยุคล้านปีอย่างใกล้ชิด
ผสานโลกดึกดำบรรพ์กับศิลปะร่วมสมัย โดย 4 ศิลปินไทยชื่อดัง
เพื่อสร้างมิติใหม่ให้กับนิทรรศการ THAINOSAUR จึงได้เชิญ 4 ศิลปินไทยชื่อดัง ได้แก่ มอ ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์ ,ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร, ปั๋น-ดริสา การพจน์ และเดย์จิรภาส เจริญพร มาร่วมตีความเรื่องราวของไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์นำเสนอผ่านศิลปะร่วมสมัย โดยผลงานจะจัดแสดงอย่างกลมกลืนไปกับโซนต่างๆ ของนิทรรศการ เป็นการเชื่อมโยงวิทยาศาสตร์เข้ากับสุนทรียศาสตร์ได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของแผ่นดินไทยผ่านมุมมองทางศิลปะที่น่าประทับใจและคาดไม่ถึง ทั้งยังเปิดโอกาสให้จับจองเป็นเจ้าของผลงานศิลปะผ่านทาง 1010 Art Space ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
• มอ-ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์ ศิลปินไทยรุ่นเก๋าที่มีผลงานโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ผู้มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นใหม่และนักออกแบบหลายคน ด้วยแนวคิดที่สร้างสรรค์และไม่จำกัดตัวเองอยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ทำให้สุนทรียภาพในงานของเขามีความเป็นไปได้ใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่เขาตอบรับคำชวนของคุณพิริยะอย่างคนรู้ใจ ถ่ายทอดแรงบันดาลใจที่คุณพิริยะมีต่อไดโนเสาร์พันธุ์ไทย โดยเล่าเรื่องราวผ่าน Key Visuals บนป้ายนิทรรศการสีสันสวยงาม ผสานกลิ่นอายความเป็นวิทยาศาสตร์เข้ากับศิลปศาสตร์ได้อย่างลงตัว ภายในนิทรรศการยังมีผลงานที่ทั้งสองคนเคยร่วมกันสร้างสรรค์เมื่อหลายสิบก่อนจัดแสดงอีกด้วย
** จัดแสดงผลงานของศิลปิน บริเวณชั้น 1 ของท่าพิพิธภัณฑ์ **
• ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร หรือ “Art of Hongtae” เป็นศิลปิน นักวาดภาพประกอบ นักออกแบบ นักแสดงละครเวที และพิธีกร เป็นหนึ่งในศิลปินที่คัดสรรผลงานศิลปะมาจัดแสดงในนิทรรศการฯ ด้วยความหลงใหลที่ฮ่องเต้มีต่อไดโนเสาร์และเติบโตมากับ Jurassic Park, ขบวนการนักรบไดโนเสาร์ จูเรนเจอร์ และ Dino-Riders สมัยเด็กพ่อมักจะพาฮ่องเต้ไปสวนสยามไปดูไดโนเสาร์ เเม่อ่านไดโนโทเปียให้ฟัง ทำให้เขาชอบวาดรูปไดโนเสาร์เป็นชีวิตจิตใจและชอบจินตนาการถึงโลกที่มนุษย์เเละ
ไดโนเสาร์อยู่ร่วมกัน นิทรรศการนี้จึงเป็นพื้นที่ปล่อยของที่ทำให้ฮ่องเต้มีความสุข รวมถึงผลงานสุดหวงถึง 2 ชิ้น ที่ฮ่องเต้ภาวนาขออย่าให้มีคนซื้อไปครอบครอง
** จัดแสดงผลงานของศิลปิน บริเวณชั้น 2 ของท่าพิพิธภัณฑ์ **
• ปั๋น-ดริสา การพจน์ หรือ ‘ปั๋น Riety’ นักแสดงและศิลปินชื่อดังลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง ที่เคยร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกมาแล้วมากมาย หลังจากที่เธอได้เดินทางไปขั้วโลกใต้กับทีมสำรวจวิทยาศาสตร์ กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับ “Biodiversity Loss” หรือการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และ “Mass Extinction” หรือการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ บวกกับความสนใจที่มีต่อไดโนเสาร์ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมจัดแสดงผลงานในนิทรรศการครั้งนี้ ป๋นจึงเพิ่มความพิเศษให้ผลงานด้วยการนำเศษฟอสซิลเล็กๆ มาบดหยาบเป็นสีพิเศษ เพื่อใช้สร้างสรรค์งานศิลปะคอลเล็กชันนี้ของเธอ หากคุณเห็นพื้นผิวแปลกตาบนชิ้นงาน นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของซากฟอสซิลหลายล้านปีก็เป็นได้
** จัดแสดงผลงานของศิลปิน บริเวณชั้น 3 ของท่าพิพิธภัณฑ์ **
• จิรภาส เจริญพร หรือ ‘DAYY’ ศิลปินรุ่นใหม่ที่ผลงานจิตรกรรมของเขามักนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับผลกระทบจากมนุษย์ต่อธรรมชาติ โดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เกินพอดี จนถึงความเจริญของสังคมเมืองและเทคโนโลยีที่รุกล้ำพื้นที่ธรรมชาติ นิทรรศการนี้เขาสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่าง ‘มนุษย์’ กับ ‘ธรรมชาติ’ ในอีกแง่มุมหนึ่ง ผ่านการพ่น graffiti ลงบนรูปปั้นไดโนเสาร์ ที่แม้จะดูเหมือนการทำลายหรือการบุกรุก แต่ในอีกด้านหนึ่งนี่อาจเป็นการแสดงออกทางศิลปะ ที่ปลุกให้ผู้คนตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตและสิ่งแวดล้อม มันเตือนให้เราย้อนมองว่า สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ในอดีตยังสูญพันธุ์ได้และมนุษย์เองก็อาจเดินซ้ำรอย หากยังไม่เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเคารพ การเห็นร่องรอยของมนุษย์บนสิ่งที่สูญสิ้นไปแล้ว จึงเป็นโอกาสให้เราหันมาใส่ใจและปกป้องโลกใบนี้ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตในปัจจุบันยังคงอยู่ต่อไป ไม่กลายเป็นเพียงความทรงจำที่รอวันลบเลือนจากหน้าประวัติศาสตร์
** จัดแสดงผลงานของศิลปิน บริเวณด้านหน้าของท่าพิพิธภัณฑ์ **
ไม่ว่าคุณจะเป็นคอไดโนเสาร์ตัวจริง นักเรียน นักศึกษาที่สนใจเรื่องราวทางธรณีวิทยาและสัตว์โลกล้านปี หรือครอบครัวที่กำลังมองหากิจกรรมดีๆ สำหรับวันหยุด ปักหมุดแล้วมาพบกันที่นิทรรศการ THAINOSAUR จัดแสดงระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคมถึง 2 พฤศจิกายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. ณ ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) โครงการท่าช้าง วังหลัง ค่าเข้าชมสำหรับคนไทย เด็ก 150 บาท ผู้ใหญ่ 250 บาท / ชาวต่างชาติ เด็ก 250 บาท ผู้ใหญ่ 350 บาท
รีบมาชมก่อนหมดโอกาส เพราะหลังจากนี้นิทรรศการ THAINOSAUR จะหมุนเวียนไปจัดแสดงในหลายประเทศทั่วโลก! สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 082-896-1929