บริษัทแสนสิริที่ขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยและเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเดียวของไทยที่มีมูลค่ายอดขายมากกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี และเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI)ประกาศยุทธศาสตร์เป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการต่อยอดทางธุรกิจด้วยการทุ่มเงินกว่า 2,000 ล้านบาท เข้าไปลงทุนในบริษัท “XSpring” (XPG) หรือ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่เชื่อมโลกการเงินปัจจุบันกับโลกการเงินดิจิทัลหรือ Digital Financial Service เข้าไว้ด้วยกันรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย
ตามแผนงานที่ประกาศกลุ่มแสนสิริจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งใน XSpring สัดส่วน 15% ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาเชื่อมโลกการเงินปัจจุบันและโลกอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ที่ทำทุกคนมีโอกาสเข้าถึงโลกการเงินและการลงทุนอย่างสะดวกและง่ายดายด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูง
ในการเข้าไปลงทุนรอบนี้ แสนสิริไม่ได้เข้าคนเดียว แต่มาพร้อมกับพันธมิตรชื่อดัง
หากใครไปตรวจสอบมติการประชุมวิสามัญของ XSpring จะพบว่ามีการอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน 3,889 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,239 ล้านบาท เป็น 5,129 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 7,778,546,511 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจากัด (Private Placement) โดยกำหนดราคาเสนอขายไว้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังออกหุ้นและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering)
ทั้งนี้ จะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,035,338,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาขายหุ้นละ 4.10 บาท
จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 403,379,000 หุ้น ให้แก่ บริษัท แสนสิริ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,653,853,900 บาท
จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 268,918,000 หุ้น ให้แก่ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,102,563,800 บาท
กลุ่มตระกูลวิริยะพันธ์นั้นถือว่าไม่ธรรมดา ฟอร์บเคยจัดอันดับว่ามีทรัพย์สินราว 32,000 ล้านบาท
จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 363,041,000 หุ้น ให้แก่ นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา คิดเป็นมูลค่าทั้งส้ิน 1,488,468,100 บาท
สำหรับนายมงคลที่ถือหุ้นเป็นอันดับสองนั้นเป็นนักลงทุนมาตั้งแต่ม.5 ขณะเรียนที่โรงเรียนเบญจมราช อุบลราชธานี ก่อนไปจบนักศึกษาวิศวกรรมโยธา ขอนแก่น ที่ผันตัวเองมาเป็นนักลงทุนจนกลายเป็นเศรษฐีหุ้นด้วยมูลค่ากว่า 3.07 หมื่นล้านบาทเศษ เฉพาะหุ้น KTC ที่เขาถืออยู่ 388.7 ล้านหุ้น เป็นรองเพียงแค่ธนาคารกรุงไทยเท่านั้น หากเอาราคาปัจจุบัน 70.75 บาท ก็ตก 27,209 ล้านบาทแล้ว ไม่นับหุ้นไรม่อนแลนด์ อีกราว 150 ล้านบาท หุ้นบริษัท ดูเดย์ดรีม DDD เจ้าของผลิตภัณฑ์ snail white อันโด่งดังนั่นไงครับ อีกราว 350 ล้านบาท
สองเดือนก่อนนายมงคลทำเซอร์ไพรส์หาเงินสดติดมือเทขายหุ้น KTC ตัดขายออกให้กองทุนต่างประเทศรวดเดียว 4.86% ไม่มีใครรู้ราคาขายแต่ข่าวในวงการเฮดฟันด์ ในโต๊ะใหญ่บอกว่าเฮียแกกำเงินสดไปลุยหุ้นในกลุ่ม ปตท และ โออาร์ กว่า 8,500 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า 3 รายที่เข้าลงทุนล้วนเป็นขาใหญ่ชัดเจน และราคาเสนอขายก็สะท้อนราคาตลาดของหุ้นที่แท้จริง โดยราคาของ XSpring ระหว่างวันที่ 21 เมษายน 2564 ถึง 13 พฤษภาคม 2564 ไต่ระดับที่ 4.46 บาทต่อ แถมห้ามคนเหล่านี้ขายหุ้นออกใน1 ปี
คำถามต่อมาคือ XSpring บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) นั่นคือบริษัทอะไร XSpring ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517 โดยบริษัทประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ผ่านทางบริษัทร่วม คือ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจากกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในการประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์, กิจการค้าหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์, กิจการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์, กิจการที่ปรึกษาทางการเงิน และกิจการตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ปัจจุบันบริษัทย่อยของบริษัท XSpring ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ประเภทการจัดการกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การเป็นผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อินโนเทค จำกัด การประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ภายใต้บริษัทบริหารสินทรัพย์ ลุมพินี จำกัด และการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้ บริษัท เอสอี ดิจิทัล จำกัด
XSpring ยังได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลแก่นักลงทุน XPG ราคาซื้อขายกันอยู่ที่ 5.20 บาท และมี XPG-W4 ซื้อขายกันที่ราคา 4.36 บาท มีการซื้อขายกันอยู่วันละ 85-150 ล้าน
ตามแผนของแสนสิริ ทั้ง “เศรษฐา ทวีสิน” และ “วันจักร์ บูรณสิริ” นายใหญ่ของแสนสิริแล้วจะเดินหน้าระดมทุนผ่านทางโทเคนดิจิทัล มาใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน
เศรษฐาบอกว่า การเข้าลงทุนในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดให้หลากหลาย โดยเฉพาะธุรกิจด้านการเงินและหลักทรัพย์ รวมถึงธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คริปโทเคอเรนซี และ ICO โดยธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลก็ถือเป็นเทรนด์ของธุรกิจที่สามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจหลักของบริษัทได้ในอนาคต ทั้งช่องทางการจัดจำหน่าย, ดิจิทัลไฟแนนซ์, บล็อกเชน หรือนำเอาคริปโทฯมาซื้อขายบ้าน เพื่อให้คนหมู่มากเข้าถึงธุรกรรมการเงินร่วมกัน
การรวมพลังกันรอบนี้ว่ากันว่า ไม่ได้เกิดขึ้นแบบไม่มีที่มาที่ไป แต่ “The man behind the scene” ใช้เวลาในการดึงขาใหญ่ 3 ราย มารวมพลังกันสร้างธุรกิจใหม่ในสินทรัพย์ดิจิทัล คือ “หมอระเฑียร ศรีมงคล” ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด หรือ KTZ
แว่วมาว่า ภายในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้จะเริ่มเห็นความร่วมมือทางธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้นทั้งในในส่วนของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของ XPG และบริการการเทรดคริปโทเคอเรนซี่
ที่มา https://www.thansettakij.com/
Comments are closed.