บริษัท รัตนากร แอสเซท จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์สัญชาติไทย เจ้าของโครงการในประเทศมากกว่า 37 กลุ่มธุรกิจ มูลค่ากว่า 33,000 ล้านบาท ในพัทยา ชลบุรี ระยอง ตลอดจนหัวเมืองในภูมิภาคต่าง ๆ รวมถึงทางภาคใต้ของประเทศไทย บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างหลายหลาก ได้แก่ ธุรกิจบ้านจัดสรร 113 โครงการ อาคารพาณิชย์ คอมมูนิตี้มอลล์ พื้นที่ร้านค้าปลีกเกินกว่า 5,000 ยูนิตในตลาดค้าส่ง-ค้าปลีก ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโครงการอาคารพาณิชย์ ที่พักอาศัย พื้นที่ให้เช่า กว่า 300 แห่ง และโครงการระดับ World Class ได้แก่ Citadines Apart Hotels ภายใต้แบรนด์ Ascott Limited โรงแรมภายใต้แบรนด์ IHG(R) จำนวน 8 โครงการ และแบรนด์อื่น ๆ อาทิ ONYX Hospitality Group และYoo Worldwide
ผนึก บางจาก ผุดโปรเจกต์ “สมาร์ทซิตี้” พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ รัตนากร แอสเซท บนพื้นที่ขนาด 400 ไร่ อยู่ติดถนนสุขุมวิท ตรงข้ามโรงแรมแอม บาส เดอร์ นาจอมเทียน มีมอเตอร์เวย์ตัดผ่านกลางที่ดินฝั่งละ 200 ไร่ ใกล้สนามบินอู่ตะเภา ใกล้รถไฟฟ้าความเร็วสูงและโปรเจกต์มิกซ์ยูสของซีพี
โครงการดังกล่าวเป็นการผสมกันระหว่างที่อยู่อาศัย โรงแรม รีสอร์ท เวลเนส เฮลธ์แคร์ เรียกว่า ทุกอย่างที่อยู่ในพอร์ตของรัตนากร แอสเซท เพื่อเกิดอีโคซิสเต็มของเมือง งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility) คาดว่าใช้เวลา 1-2 ปี เริ่มก่อสร้าง พัฒนาต่อเนื่อง 5-6 ปี ซึ่งระหว่างนั้นอาจมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดตามดีมานด์ของตลาดที่เปลี่ยนไป เมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าเศรษฐกิจ และภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวเต็มที่
“ถือเป็นหนึ่งในเมกะโปรเจคของรัตนากร แอสเซท แต่ไม่ใช่โปรเจคเดียว เพราะยังมีที่ดินอีกกว่า 1,000 ไร่ ที่ยังสามารถพัฒนาต่อยอดได้อีกในอนาคต เพื่อสร้างการเติบโต”
สำหรับ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาธุรกิจมีกำไร 1,500 ล้านบาทต่อปี หลังจากวิกฤติโควิด-19 ปี 2563 ลดลง 12% เหลือประมาณ 1,300 ล้านบาท โดยสิ้นปี 2564 น่ากลับไปอยู่ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท และเติบโต 10-15% ในปี 2565
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ซื้อมาสเตอร์แฟรนไชส์แบรนด์ รีจัส (Regus) จาก IWG ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเช่าพื้นที่สำนักงาน และ Co-working ระดับโลก ตั้งเป้าหมายเปิดอย่างน้อย 40 แห่ง ภายใน 10 ปี ยกเว้นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท รัตนากร แอสเซท จำกัด กล่าวว่า ตลาด Co-Working Space เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้น บริษัทจึงสนใจและได้ศึกษามาตลอด เพราะมองว่า Co-WorkingSpace เป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใสเนื่องจากปัจจุบันคนทำงานนอกสถานที่ได้หลากหลาย ขณะเดียวกัน ยังสอดรับกับไลฟ์สไตล์การทำงานของคนไทยในอนาคตทำให้บริษัทตัดสินใจร่วมมือกับ IWG ผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบยืดหยุ่นสูง (Flexible Workspace ) เบอร์หนึ่งของโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักในแบรนด์ Regus, Spaces, HQ และ Signature โดย IWG ได้มอบสิทธิหลักในการบริหารแฟรนไชส์ระดับภูมิภาค หรือมาสเตอร์แฟรนไชส์ให้บริษัทฯ เป็นผู้ร่วมพัฒนาและขยายธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ข้อตกลงแฟรนไชส์ที่รัตนากร แอสเซทฯ สามารถพัฒนาพื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบ Flexible Workspace
โดยในปี 65 นี้ บริษัทมีแผนจะนำร่องด้วยการเปิดศูนย์บริการ 5 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง โดยจะใช้พื้นที่อพาร์ตโฮเทลในเครือของบริษัทภายใต้แบรนด์ CITADINES ในเครือ Ascott โรงแรม 4 ดาว ประกอบด้วย พื้นที่พัทยาเหนือและพัทยากลาง 2 แห่ง ในศรีราชา 1 แห่ง และระยอง 1 แห่ง และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะใช้แบรนด์ใดของ IWG เข้าไปเปิดให้บริการโครงการต่างๆ โดยแบรนด์ Regus จะใช้พื้นที่ประมาณ 800-1,500 ตารางเมตร (ตร.ม.) แบรนด์ Signature ใช้พื้นที่ 800-1,500 ตร.ม. แบรนด์ HQ ใช้พื้นที่ 500-1,000 ตร.ม. และแบรนด์ Spaces ใช้พื้นที่ 2,000-3,000 ตร.ม. ทั้งนี้บริษัทเป้าว่าจะเปิดศูนย์บริหารให้ได้ 40 แห่งภายในระยะเวลา 10 ปี โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการในหลากหลายธุรกิจในทุกภาคให้ความสนใจที่ซื้อแฟรนไชส์ในธุรกิจแล้วหลายราย
จากสถานการณ์การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งลง และพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดในปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคเริ่มปรับตัวและยอมรับการอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมในปัจจุบัน และมองไปถึงในอนาคตว่าทุกคนจะต้องทำงานใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เทรนด์การทำงานนอกพื้นที่สำนักงานขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจะกลายเป็นรูปแบบการทำงานหลักในอนาคต ซึ่งส่งผลต่อการขยายตัวของ FlexibleWorkspace ในอนาคต ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นว่านี่คือ เมกะเทรนด์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
Comments are closed.