Maxx Pattaya
บริษัท เอช เวิลด์ กรุ๊ป (H World Group) ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ของจีน มีเครือข่ายสาขากว่า 9,000 แห่งทั่วประเทศ เตรียมบุกตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง โดยมี เป้าหมายในสร้างแบรนด์สู่ระดับสากลบนพื้นฐานของระบบจองห้องพักและบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทฯ
โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพฯ
โรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยคือ “โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพฯ” ที่เพิงปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับพรีเมียม จํานวน 475 ห้องพัก ตั้งอยู่ย่านใจกลางกรุงเทพมหานครโรงแรมแห่งนี้จะดําเนินการภายใต้แบรนด์ “สไตน์เบิร์กเกอร์” (Steigenberger) ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์โรงแรมภายใต้เครือของบริษัทฯ สําหรับโรงแรมสาขาแรกในภูมิภาคนี้ของเอชเวิลด์ คือโรงแรม “จี โฮเต็ล” (Ji Hotel) ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเปิด ดําเนินการมาตั้งแต่ปี 2019
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงแรมภายใต้แบรนด์ระดับกลางอย่าง “แม็กซ์” (Maxx) ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี โครงการ Maxx Pattaya ตั้งอยู่ตำบลห้วยใหญ่ ติดกับมอเตอร์เวย์ บนพื้นที่ 13 ไร่ มีจำนวน 108 ยูนิต โดยมีแผนจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2025 โรงแรมแห่งนี้จะประกอบไปด้วยวิลล่าจํานวนทั้งหมด 108 หลัง
สไตน์เบิร์กเกอร์
จี โฮเต็ล
ในปี 2019 เอชเวิลด์ยังขยายกิจการไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าซื้อกิจการของบริษัทผู้ประกอบการ โรงแรมชื่อดัง ทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โดยเฉพาะการครอบครองกิจการ ดอยเชอร์ ฮอสพิทาลิตี้ (Deutsche Hospitality) ผู้ประกอบการโรงแรมชาวเยอรมันด้วยมูลค่า 700 ล้านยูโร หรือราว 755 ล้านดอลลาร์ ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เอชเวิลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทําให้แผนการขยายธุรกิจสู่ระดับสากลของเอชเวิลด์ผ่านการใช้ประโยชน์จากกลุ่มบริษัทชาวเยอรมันดังกล่าวต้องถูกชะลอไปชั่วคราว แต่หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง บริษัทฯ พร้อมที่จะกลับมาผลักดันแผนการดังกล่าวอีกครั้ง
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง สําหรับเอชเวิลด์ เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน และถือเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับความสนใจจากบริษัทมากนักโดยปัจจุบันมีเพียงสาขาเดียวที่สิงคโปร์เท่านั้น
จี ชี ผู้ก่อตั้ง H World Group Limited
ขณะที่ เฮอ จีฮง หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัท ระบุในการประชุมสัมมนาด้านการลงทุนโรงแรมที่ฮ่องกงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับเป็นแหล่งโอกาสทางกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ความสําคัญกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ H World Group ถือกําเนิดขึ้นในปี 2005 โดย จี ชี ผู้บุกเบิกธุรกิจผู้มีชื่อเสียงอันโด่งดังและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัททัวร์ยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง “ซีทริป” ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในนาม ” Trip.com Group “ก้าวแรกของบริษัทคือการดําเนินกิจการโรงแรมราคาประหยัดในแบรนด์ “ฮานติง” ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศจีน ความเจริญรุ่งเรือง ของเอชเวิลด์เติบโตควบคู่ไปกับการการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศจีน จนกระทั่งปัจจุบันบริษัทได้ขยายกลยุทธ์สู่การสร้างแบรนด์โรงแรมในหลากหลายระดับ อาทิ การก่อตั้งแบรนด์จีโฮเต็ลสําหรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางในสิงคโปร์ ปัจจุบัน H World Group ดําเนินธุรกิจโรงแรมมากกว่า 9,000 แห่งในประเทศ
ด้านบทวิเคราะห์ของนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า การขยายธุรกิจของ H World Group ครั้งนี้มีเป้าหมายในการรักษาอัตราการเติบโตของบริษัทฯ ต่อไป แม้ว่าปัจจุบันจะมีการขยายสาขาอย่างรวดเร็วทั่วจีนผ่านระบบแฟรนไชส์และรูปแบบอื่นๆ แต่ตลาดโรงแรมในเมืองต่างๆ ของจีนถือว่ากําลังอิ่มตัว นอกจากนี้ H World Group มีความหวังว่าการนําแบรนด์โรงแรมในระดับกลางและพรีเมียมที่ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการบริษัทของเยอรมนีอย่างสไตน์เบิร์กเกอร์และแมกซ์ มาใช้ประโยชน์ จะช่วยให้บริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นําธุรกิจโรงแรมในระดับโลกและสามารถแข่งขันกับโรงแรมเครือยักษ์ใหญ่ของสหรัฐและยุโรปได้
เฮอ กล่าวต่อว่า จุดแข็งสําคัญที่ทําให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบในการดําเนินธุรกิจ คือการพัฒนาระบบปฏิบัติการรองรับการทํางานทุกด้านด้วยตัวเอง อาทิ ระบบจองห้องพัก ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าบนฐานข้อมูล ระบบวิเคราะห์ข้อมูล ระบบบริหารทรัพย์สินโรงแรม พร้อมทั้งแอปพลิเคชันสําหรับลูกค้า
ด้วยการเปิดโรงแรมในต่างประเทศ ทางกลุ่มวางแผนที่จะแสวงหาโอกาสในการซื้อกิจการโรงแรมในต่างประเทศและเปิดกว้างไปยังประเทศเป้าหมาย เช่น ไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้
H World Group กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มโรงแรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกจากการจัดอันดับ “Top 200 Global Hotel Groups 2022” (HOTELS 200) ล่าสุดโดยนิตยสาร “HOTELS” ของอเมริกาพบว่า H World Group ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 H World Group บริหารโรงแรม 9,394 แห่งใน 18 ประเทศ มีห้องบริการลูกค้าถึง 912,444 ห้อง และสร้างโอกาสในการทํางานให้กับสังคม 175,000 ตําแหน่ง H World Group ดําเนินธุรกิจโรงแรมและอพาร์ตเมนต์ 31 แบรนด์ครอบคลุมตลาดโรงแรมไปจนถึงตลาดเศรษฐกิจ
โครงการ MAXX PATTAYA ตั้งอยู่ตำบลห้วยใหญ่ ติดกับมอเตอร์เวย์ บนพื้นที่ 13 ไร่ มีจำนวน 108 ยูนิต ราคาขาย เริ่มต้น 4.9 ล้านบาท – 6.9 ล้านบาท พื้นที่ดินขนาดประมาณ 26.2 – 26.8 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 151 ตารางเมตร รวมพื้นที่สระว่ายนํ้า (ไม่รวมพื้นที่สวน) สระว่ายนํ้าขนาด 15 ตารางเมตร กว้าง 3 เมตร ยาว 5 เมตร ลึก 1.2 เมตร ระบบสระว่ายนํ้าเป็นระบบสกิมเมอร์นํ้าเกลือ พื้นที่สวน 12 ตารางเมตร ค่าส่วนกลาง 15 บาท/ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องนั่งเล่น 3 ห้องนํ้า 1 สระว่ายนํ้า 1สวนหย่อม ห้องนอนใหญ่ ขนาด 29.8 ตารางเมตร มีระเบียง (ขนาดระเบียง 6 ตารางเมตร 4×2) ห้องนอนเล็ก ขนาด 22.32 ตารางเมตร กระจกรอบบ้านเป็นกระจกเทมเปอร์สั่งทําพิเศษ กันร้อน เก็บเสียง กระจกบันได แข็งแรงทนทาน เป็นกระจกเทมเปอร์สั่งทําพิเศษโค้งมนตามบันได จอดรถหน้าบ้าน และมีที่จอดรถส่วนกลาง
โครงการแบ่งเป็น 2 โซน ดังนี้
- ซื้อเพื่ออยู่อาศัย
- ซื้อเพื่อการลงทุน
เงื่อนไขการลงทุน เซ็นสัญญากับทางโครงการ 10 ปี ค่าตอบแทนเฉลี่ย 7% บริหารโดยโรงแรมห้าดาวในเครือ H World Group 1-2 ปีแรกได้รับค่าตอบแทน 6% ต่อปี 3 -10 ปี ได้รับค่าตอบแทน 7% ต่อปี ทางโครงการการันตีรายได้รับค่าตอบแทนทุกเดือนและชําระให้ทุกต้นเดือนของเดือนถัดไปและสิทธิเข้าพักฟรี 15วัน/ปี
ลูกค้าสามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการ Maxx Pattaya กรุณาติดต่อ 080 256 7777 Open : 09:00 -17:30 (Close Sunday) Location https://maps.app.goo.gl/YfkeSbpku6E6uvJp7?g_st=il
อ้างอิง: https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1127575#google_vignette
https://asia.nikkei.com/Business/Travel-Leisure/China-hotel-chain-H-World-begins-foray-into-Thailand