ตลาดการท่องเที่ยวบนภูเขาและหิมะทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยจะเติบโตถึง 6.19 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028 จากขนาดตลาด 4.52 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตลาดนี้คาดว่าจะเติบโตด้วยอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 6.5% ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของจุดหมายปลายทางบนภูเขาและกีฬาฤดูหนาว ประกอบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงผลักดันการเติบโตนี้ ความต้องการทั้งการท่องเที่ยวแบบผจญภัยและประสบการณ์ที่เน้นการดูแลสุขภาพในสถานที่ที่มีทัศนียภาพบนภูเขาได้กระตุ้นให้เกิดแนวโน้มและการพัฒนาใหม่ๆ ภายในตลาด
ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด: แนวโน้มการท่องเที่ยวผจญภัยและการดูแลสุขภาพ
ปัจจัยหลายประการมีส่วนทำให้ภาคการท่องเที่ยวบนภูเขาและบนหิมะเติบโตอย่างรวดเร็ว ประการแรกและสำคัญที่สุด ความต้องการท่องเที่ยวบนภูเขาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องการหลีกหนีจากความเครียดของชีวิตสมัยใหม่ด้วยการไปเยือนสถานที่ที่เงียบสงบและสวยงาม รีสอร์ทบนภูเขาไม่ได้มีแค่การเล่นสกีอีกต่อไป แต่ปัจจุบันได้ผสานรวมกับโปรแกรมเพื่อสุขภาพ ที่พักอันหรูหรา และบริการที่สร้างสรรค์ซึ่งออกแบบมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม
การเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงกีฬาฤดูหนาวก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน การเล่นสกี สโนว์บอร์ด และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหิมะกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยมีจุดหมายปลายทางใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในภูมิภาคต่างๆ เช่น เอเชียแปซิฟิกและยุโรปตะวันออก การขยายตัวของภาคส่วนนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ซึ่งนักท่องเที่ยวแสวงหาความท้าทายทางกายภาพและประสบการณ์กลางแจ้งที่ดื่มด่ำในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ห่างไกล
นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวออนไลน์และทัวร์เสมือนจริงกำลังเปิดช่องทางใหม่ ๆ ให้กับผู้คนในการสำรวจจุดหมายปลายทางบนภูเขาและบนหิมะ ประสบการณ์เสมือนจริง (VR) ทัวร์แบบ 3 มิติ และแผนการตลาดดิจิทัลขั้นสูงกำลังสร้างความสนใจมากขึ้นและทำให้สามารถเข้าถึงจุดหมายปลายทางที่ห่างไกลได้มากขึ้น
การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและการหลีกหนีจากความวุ่นวายบนภูเขา
การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยกลายเป็นกระแสหลักในตลาดการท่องเที่ยวโดยรวม และการท่องเที่ยวบนภูเขาและบนหิมะถือเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องนี้ การท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสำรวจจุดหมายปลายทางที่ห่างไกลหรือแปลกใหม่ในขณะที่เข้าร่วมกิจกรรมที่ท้าทายร่างกายนั้นสอดคล้องกับเสน่ห์ของสถานที่บนภูเขา ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าผ่านภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ การเล่นกีฬาฤดูหนาว หรือการสำรวจภูมิประเทศที่ขรุขระ ผู้ที่แสวงหาการผจญภัยต่างหลั่งไหลมายังพื้นที่เหล่านี้เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่มิอาจลืมเลือน
ความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพยังกระตุ้นความต้องการอีกด้วย นักท่องเที่ยวกำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่ไม่เพียงแต่มีกิจกรรมกลางแจ้งเท่านั้น แต่ยังมีทั้งการผ่อนคลาย สปา และสถานพักผ่อนเพื่อสุขภาพในบรรยากาศธรรมชาติอีกด้วย รีสอร์ทบนภูเขา โดยเฉพาะในจุดหมายปลายทางอย่างเทือกเขาแอลป์ ของสวิตเซอร์แลนด์ เทือกเขาร็อกกี และเทือกเขาหิมาลัย กำลังใช้ประโยชน์จากกระแสนี้โดยเสนอบริการทุกอย่างตั้งแต่โปรแกรมดีท็อกซ์ไปจนถึงสถานพักผ่อนแบบโยคะ ควบคู่ไปกับกิจกรรมเล่นสกีและเดินป่า
ผู้เล่นตลาดหลักและนวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวบนภูเขา
ตลาดการท่องเที่ยวบนภูเขาและบนหิมะเป็นแหล่งรวมของผู้เล่นหลักหลายรายที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมนี้ บริษัทต่างๆ เช่น Alterra Mountain Company, Trip Advisor และ Thomas Cook Ltd. นำเสนอบริการและแพ็คเกจใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น Whistler Blackcomb Holdings Inc. และ Mammoth Mountain Ski Area LLC เป็นต้น ขยายข้อเสนออย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้รวมถึงแพ็คเกจสกีต่างๆ ตัวเลือกเพื่อสุขภาพ และแม้แต่ทัวร์เสมือนจริงบนลานสกีและรีสอร์ท
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในภาคส่วนนี้ โดยรีสอร์ทบางแห่งได้ผสานรวมฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ตัวอย่างเช่น Vail Resorts ในสหรัฐอเมริกาได้เปิดตัว “My Epic Assistant” ในแอปในปี 2024 ซึ่งนำเสนอข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับสภาพหิมะ การเช่า และตารางการเล่นสกี ซึ่งทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนโดย AI นวัตกรรมทางเทคโนโลยีนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงความพึงพอใจและความปลอดภัยของแขกโดยให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับสภาพภูเขาอย่างทันท่วงที
การแบ่งส่วนตลาดและแนวโน้มในแต่ละภูมิภาค
ตลาดการท่องเที่ยวภูเขาและหิมะสามารถแบ่งได้หลายรูปแบบ โดยกลุ่มที่พบเห็นบ่อยที่สุด ได้แก่:
ประเภททัวร์: นักเดินทางอิสระ ท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม และท่องเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว
ประเภทนักท่องเที่ยว: นักท่องเที่ยวชาวไทยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ช่องทางการจอง: แพลตฟอร์มการจองออนไลน์และการจองแบบตัวต่อตัว
ประเภทบริการ: การเล่นสกี เดินป่า การเล่นเลื่อนหิมะ การขับรถสโนว์โมบิล และอื่นๆ อีกมากมาย
ในแง่ของการครองตลาด ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครองส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุด โดยประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้เป็นผู้นำในด้านการท่องเที่ยวเล่นสกีและสโนว์บอร์ด ยุโรปตะวันตกซึ่งมีรีสอร์ทสกีที่มีชื่อเสียงระดับโลกในฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย ก็มีบทบาทสำคัญในตลาดเช่นกัน ในขณะที่อเมริกาเหนือ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ยังคงเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งด้วยรีสอร์ทบนภูเขาขนาดใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกีฬาฤดูหนาว
ตะวันออกกลางและแอฟริกาเป็นตลาดเกิดใหม่สำหรับการท่องเที่ยวในฤดูหนาว โดยจุดหมายปลายทางอย่างโมร็อกโกและแอฟริกาใต้เริ่มเสนอประสบการณ์กีฬาฤดูหนาว แม้ว่าจะอยู่ในขอบเขตที่เล็กกว่า ยุโรปตะวันออกซึ่งมีจุดหมายปลายทางราคาประหยัดในโปแลนด์ สโลวาเกีย และบัลแกเรีย ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่คำนึงถึงงบประมาณมากขึ้นมองหาตัวเลือกการเล่นสกีที่ราคาไม่แพง
อนาคตของการท่องเที่ยวภูเขาและหิมะ
เมื่อมองไปข้างหน้า ตลาดการท่องเที่ยวบนภูเขาและหิมะคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อไป การผสมผสานระหว่างกีฬาฤดูหนาว การท่องเที่ยวผจญภัย และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพจะยังคงดึงดูดผู้คนหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่ผู้ที่แสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจไปจนถึงครอบครัวที่ต้องการพักผ่อนในวันหยุดบนภูเขา แนวโน้มของการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนจะผลักดันนวัตกรรมด้วย โดยบริษัทต่างๆ จะเน้นที่รีสอร์ทสกีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสีเขียว และการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมภูเขาตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ การพัฒนาเครื่องมือไฮเทค เช่น AI ความเป็นจริงเสมือน และการทำแผนที่ 3 มิติ จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว ทำให้สามารถเข้าถึงจุดหมายปลายทางต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และน่าดึงดูดใจมากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากขึ้นกว่าสินค้า การท่องเที่ยวบนภูเขาและบนหิมะจึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญยิ่งขึ้นในตลาดการท่องเที่ยวโลก
บทสรุป: อุตสาหกรรมที่เจริญรุ่งเรืองพร้อมขอบเขตที่ขยายออกไป
ตลาดการท่องเที่ยวบนภูเขาและหิมะไม่ได้แค่อยู่รอด แต่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งถึง 6.5% และจะมีมูลค่าถึง 6.19 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ซึ่งภาคส่วนนี้กำลังกลายเป็นผู้มีส่วนสนับสนุนหลักต่อการท่องเที่ยวทั่วโลก ในขณะที่การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและเพื่อสุขภาพยังคงพัฒนาต่อไป จุดหมายปลายทางบนภูเขาจะยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักเดินทางที่แสวงหาทั้งความตื่นเต้นและความผ่อนคลายในธรรมชาติที่สวยงามและขรุขระที่สุดในโลก