UTA วางแผนหารือ EEC ลดขนาดอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ในระยะแรกจากรองรับได้ 12 ล้านคนต่อปี ให้เหลือ 5-6 ล้านคนต่อปี พร้อมสร้างเมืองการบินภาคตะวันออกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2568 โดยไม่รอรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง หลังล่าช้ามาแล้ว 5 ปี

ในปัจจุบันมีการเตรียมพื้นที่ก่อสร้าง การรื้อย้ายอาคารซ่อมบำรุงเก่าและเครื่องบินออกจากพื้นที่ มีการสร้างรั้วเขตการบินและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ของท่าอากาศยาน โดย UTA ตั้งเป้าเริ่มการก่อสร้างระยะที่ 1 ในปี 2568 ให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2572 และในอนาคตสามารถขยายท่าอากาศยานให้รองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี โดยแบ่งการพัฒนาเป็น 6 ระยะ ได้แก่
• ระยะที่ 1 ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลักหลังใหม่ รองรับผู้โดยสาร 5-6 ล้านคนต่อปี รันเวย์ที่ 2 และเมืองการบิน
• ระยะที่ 2 ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลักหลังใหม่ พื้นที่รวมกว่า 157,000 ตร.ม. รองรับผู้โดยสาร 12 – 15.9 ล้านคนต่อปี
• ระยะที่ 3 และ 4 ขยายอาคารผู้โดยสารหลัก เพิ่มพื้นที่รวมเป็น 264,000 ตร.ม. รองรับผู้โดยสาร 22.4 – 30 ล้านคนต่อปี ในปี 2577
• ระยะที่ 5 ขยายอาคารผู้โดยสารหลัก เพิ่มพื้นที่รวมเป็น 371,000 ตร.ม. รองรับผู้โดยสาร 45 ล้านคนต่อปี เปิดบริการปี 2590
• ระยะที่ 6 ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารรอง (midfield terminal) หลังใหม่ พื้นที่รวม 82,000 ตร.ม. รองรับผู้โดยสาร 60 ล้านคนต่อปี ในปี 2603

ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา จะเป็นท่าอากาศยานนานาชาติพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของประเทศไทย มีการเชื่อมท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิด้วยรถไฟความเร็วสูงที่จะเปิดบริการในปี 2572