นายเฉลิมพล โขนแจ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คราฟท์เวิร์ค จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาคลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจการพัฒนาเรื่อยมาโดยตลอด จากจุดเริ่มต้นธุรกิจของครอบครัวเป็นเวลากว่า 50 ปี จนถึงวันนี้ได้เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเมืองพัทยาที่ก้าวสู่ Lifestyle Ecosystem Creator โดยมีการพัฒนาโครงการที่หลากหลายและมีการส่งมอบที่อยู่อาศัยทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมให้กับลูกค้าไปแล้วกว่า 10 โครงการ พร้อมต่อยอดธุรกิจจนสร้างอาณาจักรใหญ่ในภาคตะวันออก รวมถึงมี Land Bank แปลงเด่นในทำเล Pure Beach Front หลายแปลง

“รูปแบบธุรกิจในเครือ ทำให้สามารถนำมาปรับใช้ และ Balance ธุรกิจในกลุ่มคราฟท์เวิร์ค ที่มีความสัมพันธ์และส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อส่งมอบคุณค่าที่ดีให้กับลูกค้าไปพร้อมๆ กับพัฒนาเมืองให้เป็น Craftwork Ecosystem ถือเป็นการต่อยอดการดำเนินธุรกิจสร้างการรับรู้ภายใต้แนวคิด “RETHINK FOR BETTER LIVES” คิดใหม่เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ร่วมกับผู้บริหารและทีมงานทุกคนในทุกส่วนขององค์กรที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” นายเฉลิมพล กล่าว

โดย “คราฟท์เวิร์ค” จะเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้าน ขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโต โดยมีความมุ่งมั่นในการสร้างที่อยู่อาศัยผ่าน 4 วิธีคิด ที่ถือเป็นกลยุทธ์สร้างจุดแข็งของบริษัทฯ คือ
• Set the Bar Higher …ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น ในการเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ ใส่ใจในปัญหาของลูกค้า
• Set The New Standard …สร้างมาตรฐานให้ดีขึ้น ไม่หยุดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งโดยจะให้ลูกค้าจดจำคราฟท์เวิร์คในฐานะผู้นำและเป็นตัวจริงในพัทยา
• Breaking the boundary …ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม เพื่อนำเสนอโครงการที่แตกต่างและเติมเต็มความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค
• For Better Quality of Lives …คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า มุ่งสู่ความยั่งยืน คราฟท์เวิร์คให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่สร้างประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับแบรนด์ สร้างธุรกิจและเมืองพัทยาให้ได้ประโยชน์ควบคู่กัน

โดยคอนโดฯ ติดชายหาดวงศ์อมาตย์ มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท โครงการ AROM Wongamat (อารมณ์ วงศ์อมาตย์) ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Sense The Masterpiece ที่สร้างมาตรฐานใหม่ของตลาดอสังหาฯ และไลฟ์สไตล์ในพัทยา รวมถึงเป็นตัวแทนของการใช้ชีวิตหรูหรา แต่เงียบ สงบ เป็นส่วนตัวสูง โดยออกแบบให้ห้องชุดทุกยูนิตมองเห็นวิวทะเล ปัจจุบันห้องชุดจำนวน 311 ยูนิต ขายหมดแล้ว 100% และโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าไปแล้วกว่า 70% คาดว่าภายในไตรมาส 2 ปีนี้จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ครบทุกยูนิต ถือเป็นคอนโดฯ โครงการแรกที่ฉีกกฎเดิมของคอนโดฯ ในพัทยาที่มูลค่าการขายเติบโตขึ้น 150%

ส่วน โครงการ AROM Jomtien (อารมณ์ จอมเทียน) คอนโดฯ ติดหาดจอมเทียน ภายใต้แนวคิด Sense The Soulfulnessที่เปิดตัวเมื่อช่วงกลางปี 2565 พร้อมนำเสนอชีวิตที่เติมเต็มจิตวิญญาณ คงเอกลักษณ์การออกแบบที่มียูนิตน้อย มองเห็นวิวทะเล จำนวน 314 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ปัจจุบันทำยอดขายได้แล้ว 90% ซึ่งจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาส 4 ปี 2569

นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้แบรนด์ “ละไม หทัยราษฎร์” ได้ขยายฐานกลุ่มลูกค้ามาเจาะทำเลกรุงเทพฯ พัฒนาเป็นบ้านแฝดอารมณ์บ้านเดี่ยว สไตล์ MODERN JAPANESE ภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่ได้มากกว่า คือชีวิตที่ลงรายละเอียด” ราคาเริ่มต้น 5-8 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้านเพื่อสร้างครอบครัวใหม่และต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ครอบครัวเดิม ซึ่งประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มผู้ซื้อ

ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2568 ยังคงเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยในทำเล EEC เป็นหลักที่ตั้งอยู่บน Strategic Location มีแผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบในรายละเอียดต่างๆ แบ่งพอร์ตการลงทุนเป็นคอนโดมิเนียม และบ้าน สัดส่วน 50:50 และจะมีโครงการแนวราบเปิดตัวใหม่ในปีนี้เพื่อตอบโจทย์ได้ครบทุกกลุ่มลูกค้า

ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพของเมืองชายทะเลบนพื้นที่ EECและมองว่าทำเลนี้เป็นเหมือน Strategic Location ที่มีความคืบหน้าของโครงสร้างพื้นฐานที่ชัดเจน อาทิ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด ซึ่งพัทยาตั้งอยู่ตรงกลางสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ ที่มีทั้งการเติบโตของภาคเอกชนและยังมีปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการเติบโตด้วย

-ระบบ Logistic ที่แข็งแกร่งและต้นทุนที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน สามารถดึงดูดเม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจกว่า 374,000 ล้านบาทในปี 2567 (ข้อมูลจากสนง. EEC)

-การท่องเที่ยวเติบโตและมีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก โดยพัทยามีนักท่องเที่ยวสูงถึง 23 ล้านคน ในปี 2567

-ด้านการแพทย์ ทั่วโลกให้การยอมรับ รวมถึงแหล่งงานคุณภาพสูงจากนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำต่างๆ

-กลุ่มลูกค้าหลากหลาย เพราะพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กรุงเทพ และความแข็งแกร่งของแบรนด์พัทยาเทียบชั้นได้กับเมืองชั้นนำระดับโลก ทำให้มีโอกาสพัฒนาและเติบโตได้อีกมาก

นอกจากนี้บริษัทยังมีแนวคิดการสร้าง Ecosystem โดยได้ร่วมกับธุรกิจในเครือและพาทเนอร์ทางธุรกิจต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้คนในพื้นที่พัทยาได้ประโยชน์ไปพร้อมกับการดำเนินธุรกิจที่สอดรับกับ Craftwork Ecosystem เป็นการ Create Community ตามวิถีคราฟท์เวิร์ค