พาคุณมาทำความรู้จักกับบิเบนดัม (Bibendum) มาสคอตตัวอวบสีขาวแสนน่ารักของมิชลิน กับเรื่องราวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

บิเบนดัม (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า บิบ) เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในนาม “มิชลินแมน” มาสคอตสีขาวตัวนี้เป็นที่รักของแบรนด์มิชลินมาตั้งแต่ปี 1898 ทั้งชื่อของเขายังถูกนำมาตั้งเป็นหมวดหมู่สำหรับร้านอาหารรสเลิศแต่ราคาย่อมเยาว์ใน คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ หรือบิบ กูร์มองด์ (Bib Gourmand) นั่นเอง

นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่ามาสคอตตัวนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกองยางในงาน Lyon Universal Exhibition ปี 1894 “ดูสิ ถ้ามันมีแขนนะ มันจะดูเหมือนคนเลยล่ะ” เอดู​อาร์ มิชลิน (Édouard Michelin) ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าวกับอองเดร (André) พี่ชายของเขา

และนี่คือข้อเท็จจริงที่เรารวบรวมมาที่ทำให้คุณหลงรักเจ้าบิเบนดัมมากขึ้น

1. บิเบนดัมในยุคแรก ๆ แตกต่างจากที่เห็นในปัจจุบัน

รูปลักษณ์ของบิเบนดัมดูคล้ายมัมมี่ที่ชวนขนลุกในโฆษณาสมัยก่อน ตรงกันข้ามกับตอนนี้ เรามักจะเห็นภาพเขากำลังยกแก้วขึ้นดื่มพร้อมคำโปรยด้านบนว่า “Nunc est Bibendum” ซึ่งเป็นภาษาละตินที่แปลว่า “ได้เวลาดื่มฉลองแล้ว!” ถ้าสังเกตดี ๆ คุณจะเห็นว่าในแก้วใบนี้เต็มไปด้วยตะปูและเศษกระจก ซึ่งสื่อว่ายางมิชลินแข็งแกร่งและคงทนต่อการเจาะมากเพียงใด

2. เช่นเดียวกับมนุษย์ส่วนใหญ่ บิเบนดัมผ่านช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิตมาไม่น้อย

ในช่วงแรก บิเบนดัมมักถูกนำเสนอผ่านอาชีพที่หลากหลาย เช่นนักรบ นักมวย นักเต้นรำลีลาพลิ้วในตลาดที่อิตาลี หรือแม้แต่หนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่แสวงหาความสุขด้วยการดื่มเบียร์และสูบซิการ์ เพื่อดึงดูดชนชั้นสูงที่ร่ำรวยและมีฐานะพอจะซื้อรถ

แต่ในช่วงทศวรรษ 1920 ภาพลักษณ์ของเขาถูกปรับให้ดูอ่อนโยนและเป็นมิตรกับครอบครัวมากขึ้น เขาเลิกดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ (นี่คือเรื่องจริง!) และหันมาออกกำลังเล่นกีฬามากขึ้น (เขายังเคยปรากฎตัวในโฆษณาขณะที่กำลังวิ่งหรือขี่จักรยาน พร้อมกับขว้างล้อยางที่ดูเหมือนจานร่อน) นอกจากนั้นเขายังลดน้ำหนักลงและดูล่ำสันกว่าเดิม และในโปสเตอร์โฆษณาช่วงต้นทศวรรษที่ 19 ผู้คนได้เห็นเขาออกแรงช่วยเหลือครอบครัวที่รถยางแบนด้วยการมอบล้อยางที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดจากกลางลำตัวของเขา และนั่นทำให้คุณสามารถมองเห็นท้องฟ้าสีครามผ่านรูที่ท้องของเขาได้ มันน่าทึ่งใช่ไหมล่ะ

3. ยางรถยนต์เริ่มมีสีดำตั้งแต่ปี 1912 นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบิเบนดัมจึงเป็นสีขาว

ย้อนเวลาไปก่อนปี 1912 ยางรถยนต์ยังคงเป็นสีเทา-ขาวหรือออกน้ำตาลมัว ๆ ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาสูตรยางโดยเติมผงคาร์บอนลงไปเพื่อเป็นสารกันเสีย และช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทาน ทำให้ยางมีสีดำเหมือนที่เราเห็นเช่นทุกวันนี้

4. เขาเป็นเจ้าของสุนัขสีขาวอวบอ้วนเหมือนตัวเอง

บิเบนดัมเคยมีสุนัขที่มีลักษณะคล้ายกับเขาเมื่อทั้งคู่ได้ร่วมงานกันในโฆษณาอนิเมชั่นทางโทรทัศน์ของอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ ชื่อของมันคือบับเบิล และเช่นเดียวกับลูกสุนัขทั่วไป มันซุกซนและวิ่งหายไปในเย็นที่มีพายุแรงวันหนึ่ง โดยทิ้งพี่บิบที่กำลังตามหามันไว้ในป่าเพียงลำพัง

5. เขาไม่ใช่คนช่างพูด

บิเบนดัมเคยพูดครั้งแรกและเป็นครั้งเดียวเท่านั้นในเดือนธันวาคม ปี 1898 ณ งานแสดงจักรยานที่กรุงปารีส อองเดร มิชลิน (André Michelin) ได้สั่งให้คนตัดกระดาษแข็งขนาดใหญ่เป็นรูปของเขาเพื่อนำไปติดตั้งที่บูธของมิชลิน และสั่งให้นักแสดงตลกคาบาเร่ต์คนหนึ่งคอยแอบอยู่ข้างหลังเพื่อพากย์เสียง ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ อองเดรระบุว่าเขาต้องการใครสักคนที่มี “วาทศิลป์เป็นเลิศ” “มีไหวพริบและกระตือรือร้น” และ “ฉลาดแต่ไม่หยาบคาย” กล่าวกันว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวดึงดูดฝูงชนอย่างท่วมท้นจนก่อให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องถูกเรียกเข้ามาเพื่อดูแลความสงบ

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 เมื่อโฆษณาของบิเบนดัมถูกเผยแพร่ไปทั่วทุกที่ เรากลับไม่เคยเห็นเค้าพูดอะไรอีกเลย นี่เป็นความตั้งใจของบริษัทเอเจนซี่โฆษณา Campbell-Ewald “ความเงียบของเขาเป็นศิลปะ…แม้จะเป็นคนที่เงียบแต่เขาก็ยังแข็งแกร่ง” จอห์น สจวร์ต (John Stewart) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของเอเจนซี่กล่าว

6. เขาชอบออกสื่อ

เมื่อมิชลินเปิดตัวนิตยสารท่องเที่ยวของอิตาลีในปี 1907 บิเบนดัมเคยมีคอลัมน์ประจำเป็นของตัวเอง ในบทความหนึ่ง เขาได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องงาน Ball of Nations ที่เขาเคยเข้าร่วม และได้เอ่ยชมผู้หญิงที่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมต่าง ๆ อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าเขาจะชื่นชอบอิตาลีเป็นพิเศษ “โอ้ คุณคือมาดอนน่าผู้แสนวิเศษ, ประหนึ่งพรหมลิขิตแห่งกรุงโรม, ได้โปรดรับการชื่นชมจากผม, ดวงตาของคุณช่างเปล่งประกายงดงามดุจยุคเรอเนสซองส์”

แต่สิ่งที่เขาเขียนไม่ใช่จดหมายรักเสียทั้งหมด ในข้อความที่ตัดตอนมาส่วนหนึ่ง บิเบนดัมประกาศชัยชนะเหนือคู่แข่งของเขาอย่างเผ็ดร้อน โดยเรียกพวกเขาว่า “คู่แข่งที่มีรอยยิ้มแห้ง ๆ บนใบหน้าซีดเผือด สัญลักษณ์แห่งความหลอกลวงที่เดินได้”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บิเบนดัมได้ร่วมเป็นแขกรับเชิญในซีรีส์การ์ตูนฝรั่งเศสเรื่อง Asterix ในฐานะตัวแทนจำหน่ายล้อสำหรับรถม้า และร่วมแสดงในหนังสั้นฝรั่งเศสเรื่อง Logorama ความยาว 16 นาที ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ในปี 2010 อีกด้วย

7. เขาเป็นที่รักของคนส่วนใหญ่ ถึงขนาดมีเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเขา

นักออกแบบอย่าง ไอลีน เกรย์ (Eileen Grey) ประดิษฐ์เบาะนั่งนุ่มสบายที่รู้จักกันในชื่อเก้าอี้บิเบนดัมในปี 1900 และยังคงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันว่าเป็นหนึ่งในการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดของศตวรรษที่ 20

8. ร้านอาหารในลอนดอนถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา

ร้าน Bibendum Restaurant and Oyster Bar เปิดให้บริการในปี 1986 ในย่านฟูแลม (Fulham) ของลอนดอน ซึ่งเป็นโครงการร่วมกันระหว่าง เซอร์ เทอเรนซ์ คอนแรน (Sir Terence Conran) และลอร์ด พอล แฮมลิน (Lord Paul Hamlyn) เจ้าของภัตตาคารชื่อดังชาวอังกฤษ ทั้งสองคนเข้าซื้อกิจการภายในมิชลิน เฮาส์ (Michelin House) อาคารอาร์ตเดโคซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของมิชลินตั้งแต่ปี 1911 จนกระทั่งบริษัทย้ายออกไปในปี 1985

ด้านหน้าของอาคาร เดิมเป็นจุดเปลี่ยนยางสำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะที่สัญจรไปมา รวมถึงผู้ที่มารับประทานอาหาร ปัจจุบันที่นี่ยังคงต้อนรับผู้มาเยือนด้วยกระเบื้องโมเสกรูปบิเบนดัมถือแก้วที่เต็มไปด้วยน็อต ตะปูเกลียว และของมีคมอื่น ๆ รวมถึงฉากหลังอันน่าทึ่งของหน้าต่างกระจกสี ที่นำเสนอภาพบิบในชุดนักมวยและนักปั่นจักรยานที่คีบซิการ์อยู่ในมือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ร้านอาหารแห่งนี้ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Claude Bosi at Bibendum และยังได้รับรางวัลมิชลินสองดาวในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับสหราชอาณาจักร ประจำปี 2021 อีกด้วย

เขียนโดย MICHELIN Guide Digital Washington D.C.