ดอยผาฮี้ หรือบ้านผาฮี้ หมู่บ้านเล็กๆ ของชุมชนพื้นเมือง ตั้งอยู่ในตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นดีอันดับต้นๆของไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามฤดูกาลที่งดงามและสวยงามเป็นที่สุด นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนที่นี่จะได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนท่องถิ่น ดื่มด่ำทัศนียภาพอันตระการตาของเมฆหมอกและแสงอาทิตย์ยามเช้า พักโฮมสเตย์ ลิ้มลองอาหารชนเผ่า และที่สำคัญคุณจะได้เพลินกับการจิบกาแฟและชาที่มีชื่อเสียงของผาฮี้ สนราคาที่พักแบบโฮมสเตย์ ตกคนละประมาณ 800 – 1,200 บาท

อาข่าผาฮี้

ราวปี พ.ศ. ๒๔๖๕ แต่เดิมเผ่าอาข่า ได้อพยพมาจากแคว้นสิบสองปันนา ในประเทศจีน มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศพม่ารัฐฉานประมาณ ๒๐ ปี ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านป่าก่ออยู่ตรงข้ามบ้านผ้าขาวประเทศพม่ามีอาชีพทำไร่เลื่อนลอย โดยมี นาย อาเพียว พรจรัสโชติ ( เชอมือ ) และนางอาบะพรจรัสโชติ(เชอมือ)สองสามีภรรยาจึงได้พาครอบครัวและพี่น้องประมาณ ๗ ครอบครัวมาก่อตั้งหมู่บ้านใหม่บ้านจะโคอาข่า คือมาตั้งถิ่นฐานครั้งแรก การทำมาหากินทำสวนทำไร่ ปลูกฝิ่น ทำการค้าขายไม่ค่อยดี ผู้นำหมู่บ้านกับราษฎรในหมู่บ้านได้ปรึกษาหารือกันว่าขยับตั้งถิ่นฐานเพื่อจะได้เป็นสิริมงคลกับหมู่บ้านจากนั้นได้ขึ้นมาตั้งถิ่นฐานอยู่  ณ ที่ตั้งหมู่บ้านผาฮี้ปัจจุบัน  เพราะเหมาะสำหรับปลูกข้าวปลูกฝิ่น ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๐๙  ได้มีชาวบ้านจำนวนหนึ่ง จากบ้านแม่หม้อและบ้านพญาไพรย้ายเข้ามาเพิ่ม ประมาณ ๒๖  หลังคาเรือน  และมีเข้ามาเพิ่มอีกเรื่อยๆ ชาวบ้านประกอบอาชีพปลูกฝิ่น ทำไร่ข้าวโพด ข้าว และถั่วเหลือง

ผู้นำหมู่บ้านผาฮี้คือ นายอาเพียว พรจรัสโชติ ( เชอมือ ) ซึ่งได้เสียชีวิตแล้ว   ผู้นำหมู่บ้านคนปัจจุบันคือ   นายสรพงษ์  พรจรัสโชติ(เชอมือ) ซึ่งเป็นบุตรชายคนสุดท้องของนายอาเพียวและนางอาบะรับสืบทอดเป็นผู้นำต่อจากบิดา ที่มาของบ้านผาฮี้ เมื่อย้ายเข้ามาอยู่แรกๆชาวบ้านจะเรียกบ้านผาฮี้ปัจจุบันว่า บ้านจะโคอาข่า หมายถึงดอยช้างมูบ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เคารพบูชา ของชาวบ้าน ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเป็นผาฮี้   เนื่องจากมีชาวพื้นที่ราบขึ้นมาเที่ยว   และพบว่ามีต้นไม้ชนิดหนึ่งที่รับประทานได้มีจำนวนมาก  คือ ไม้เสี้ยวป่า(ภาษาพื้นเมือง  เรียกว่า ต้นผักฮี้)   ประกอบกับมีหน้าผามาก ชาวพื้นราบในบริเวณนั้น  จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า บ้านผาฮี้ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน สภาพแวดล้อมบ้านผาฮี้มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าอดีต เพราะอดีตหมู่บ้านแห่งนี้ เคยเป็นหมู่บ้านที่มีการลำเลียงหัวเชื้อเพื่อผลิตยาเสพติด และปลูกฝิ่นเป็นอาชีพหลักในการดำรงชีพ ปัจจุบันปลูกกาแฟ อาราบีก้า เป็นอาชีพหลัก มีรายได้เข้ามาในหมู่บ้านผาฮี้ ในแต่ละปีมีรายได้จากการขายกาแฟ ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท

ชาวพื้นเมืองของบ้านผาฮี้ ประกอบไปด้วย ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า มูเซอร์แดง มูเซอร์ดำ ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้มีถางป่าจนหัวโล้นแล้วปลูกฝิ่น ข้าวโพด จนกระทั่งในปี 2531 เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุง ได้เข้ามาในหมู่บ้าน ส่งเสริมให้ชาวบ้านเลิกทำไร่เลื่อนลอย และสอนให้ชาวบ้านเรียนรู้  โดยอาชีพหลักคือเกษตรกร ไม่ว่าจะ ปลูกใบชา หรือ กาแฟ เลยทำให้กาแฟและชาของที่นี่เป็นของขึ้นชื่อที่ต้องลองเพราะเป็นของแท้ๆ ได้จากแหล่งเลย ที่สำคัญกาแฟดอยผาฮี้ จะมีลักษณะเฉพาะตัว คือ สะอาด หอม เข้มแบบนุ่มนวล มีรสหวานคล้ายผลไม้

ประเพณีโล้ชิงช้า

ประเพณีโล้ชิงช้า เป็นงานเทศกาลปีใหม่ของชาวอาข่า จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณของเทพธิดา “อึ่มซาแยะ” ผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ ให้กับพืชพันธุ์ธัญญาหาร ให้มีความเจริญงอกงาม และถือเป็นการให้เกียรติสตรี ซึ่งหญิงสาวชาวอาข่าจะใช้เวลาทั้งปีตระเตรียมชุดเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะ

ในงานประเพณีโล้ชิงช้า (แย้ขู่อ่าเผ่ว) จะประกอบด้วยการโล้ชิงช้าอันเป็นจุดเด่นในเทศกาล พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ การเลี้ยงฉลองและการเต้นรำ ซึ่งแต่ละชุมชนจะจัดไม่ตรงกัน ผู้นำชุมชนแต่ละชุมชนจะกำหนดวันจากความเหมาะสมของชุมชน โดยจะอยู่ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน งานจะมีทั้งหมด 4 วัน ดังนี้

วันที่ 1 จ่าแบ

ครอบครัวจะส่งตัวแทนซึ่งเป็นผู้หญิง แต่งกายสวยงามด้วยชุดประจำเผ่า ออกไปตักน้ำที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ นอกจากนี้ แต่ละครอบครัวจะตำข้าวปุ๊ก (ห่อถ่อง) เพื่อใช้ในพิธีไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งข้าวปุ๊กนี้จะเป็นการนำข้าวเหนียวไปนึ่ง แล้วนำมาตำกับงาดำและเกลือ

วันที่ 2 วันสร้างชิงช้า

คนในชุมชนจะมารวมตัวกันที่บ้านของ “โจ่วมา” ผู้นำศาสนาของชุมชน โจ่วมาจะแบ่งงานให้ทุกคนช่วยกันสร้างชิงช้าใหญ่ของชุมชน วันนี้จะไม่มีการฆ่าสัตว์หรือทำพิธีใด ๆ หลังจากสร้างชิงช้าใหญ่เสร็จแล้ว จะมีการโล้ชิงช้าเปิดพิธีโดยโจ่วมา จากนั้นทุกคนก็สามารถโล้ชิงช้าได้ หลังจากนั้นทุกคนก็จะไปสร้างชิงช้าเล็กไว้หน้าบ้านเพื่อให้ลูกหลานของตนได้เล่น

วันที่ 3 ล้อดา อ่าเผ่ว

เป็นวันพิธีใหญ่ มีการเลี้ยงฉลองกันทุกครัวเรือน มีการเชิญผู้อาวุโสหรือแขกต่างหมู่บ้านมาร่วมรับประทานอาหารในบ้านของตน มีการอวยพรให้กับเจ้าบ้านจากผู้อาวุโส

วันที่ 4 จ่าส่า

จะมีการโล้ชิงช้าจนตะวันตกดิน (ประมาณ 18.00 น.) โจ่วมา จะทำการเก็บเชือกของชิงช้า โดยการมัดเชือกสำหรับโล้ชิงช้าติดกับเสา หลังอาหารค่ำจะมีการเก็บเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ ถือเป็นการเสร็จสิ้นประเพณีโล้ชิงช้า

แนะนำที่พัก

กาแฟภูผาฮี้  https://www.facebook.com/nidphuphahee/

Phahee Valley https://www.facebook.com/Phahee-Valley-106237204079756/

ผาฮี้ โฮมสเตย์ Phahee Homestay https://www.facebook.com/Phahee/ บ้านผาฮี้อาข่าโฮมสเตย์ https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%AE%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C-367017163925136/

การเดินทางก็ไม่ยากเท่าไหร่สำหรับรถยนต์ส่วนตัว แต่อาจจะต้องใช้ประสบการณ์กับทักษะความชำนาญในการขับขี่ เพราะบางช่วงเป็นถนนเล็กแคบและชัน หรือจะเลือกใช้บริการรถเช่ารถพร้อมคนขับรับ-ส่ง ขึ้นดอยผาฮี้ โดยสามารถติดต่อได้ทาง