เปิดต้นปีมาอากาศยังคงเย็นๆ และญี่ปุ่นตอนนี้คือฮิตฮอตมาก ต้อนรับการเปิดประเทศ มาครับ รอ’ไร ทริปนี้พาเที่ยวญี่ปุ่น Sapporo – Hokkaido – Jozankei

ทริปนี้ชวนคุณมาขอพรส่งท้ายปีกันที่ Hokkaido Shrine พร้อมแวะเที่ยวสวนสัตว์ Maruyama Zoo และร้านขนมญี่ปุ่นแบบต้นตำรับท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายตลอดทาง ทำให้ทริปนี้เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกเลยครับ ถึงว่าใครๆก็ชอบบอกว่ามาญี่ปุ่นถ่ายรูปตรงไหนก็สวยเป็นแบบนี้นี่เอง

การเดินทาง: เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน ( Tozai Line ) ลงที่สถานี Maruyama Koen เพื่อที่เราจะแวะที่สวนสัตว์ Maruyama Zoo กันก่อน จากนั้นค่อยเดินไปที่ศาลเจ้ากันต่อ  (ออกประตู 3 นะ แล้วเดินผ่านสวนสาธารณะลัดเลาะมาจนถึงสวนสัตว์ครับ )

Maruyama Zoo ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ ¥800 เด็ก ¥400

ความน่ารักปุ๊กปิ๊กของสวนสัตว์  Maruyama Zoo คือตั้งแต่ทางเดินตรงสถานีรถไฟเลย พื้นกระเบื้องจะปูเป็นรูปสัตว์น่ารักมากเป็นสัญลักษณ์บอกว่าเรามาถึงเขตสวนสัตว์แล้วนะ ไฮไลท์ของที่นี่คือ เจ้าหมีขาว น่ารักมาก ออกมางับหิมะให้ดูด้วยพร้อมเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ที่ออกมาอวดโฉมท่ามกลางหิมะให้เราชมได้ทั้งวัน

จากนั้นเดินลัดเลาะมาอีกนิดนึงเพื่อไปยังศาลเจ้า Hokkaido Shrine เป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่พร้อมให้เราขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลเพื่อเริ่มต้นปีใหม่

ช่วงวันสิ้นปีชาวญี่ปุ่นจะมาต่อแถวขอพรกันยาวมาก ช่วงนี้มาก่อนได้เลยนะ ปีหน้าเราต้องปัง!!

การขอพรของที่นี่

1.ใช้เหรียญอะไรก็ได้ครับโยนลงในกล่องบริจาค

2. โค้ง 2 ครั้ง

3. ตบมือ 2 ครั้ง จากนั้นขอพร

4. โค้งอีก 1 ครั้ง จบแล้วการขอพรของเราสำหรับทริปนี้

ตรงประตูทางเข้าจะมีที่เสี่ยงเซียมซี ถ้าได้ใบดีพับเก็บใส่กระเป๋าได้เลย หรือ ถ้าได้ไม่ดีก็ก็ผูกไว้ในศาลเจ้าได้เลยนะ

ก่อนกลับอย่าลืมซื้อเครื่องรางพกติดตัวไว้นะครับ แค่ ¥800 เองมีหลายความเชื่อเลย ทั้งสุขภาพ, การงาน, การเงิน, การเดินทาง, และความรัก เลือกได้ตามชอบ ซื้อเป็นของฝากกลับไทยคนรับยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว

ก่อนกลับแนะนำร้านอร่อย คือ แบบอร่อยมาก

– Jingu Tea Room ( อยู่ตรงทางเข้าศาลเจ้า ) แค่เดินมาถึงก็หอมแล้ว ขนมแป้งกรอบกับไอศครีมเนื้อแน่น ฟินท่ามกลางหิมะเลยคุณผู้โชมมม มันดีมากกกกกจนต้องเบิ้ล ดีมากจริงๆ จะบรรยายยังไงให้รู้ว่าอร่อย ฮ่าๆ

–  Rokkatei อยู่ถัดศาลเจ้ามานิดถึง ภาพที่ 2 จากโพสท์นะ โมจิไส้ถั่วแดงย่างไฟหอมๆ กัดตอนหน้าหนาวนี่ฟินไม่ไหวแล้วววว

ช่วงเดือนนี้หิมะขาวโพลนไปทั่วเมือง บางช่วงจะมีหิมะตกตลอดทาง ให้เราได้ฟินแบบว่ามาถึงแล้วนะ Sapporo

เป็นอีกเมืองที่เหมือนเดินเล่นในภาพวาดแล้วคุณจะอยากกดปุ่มหยุดเวลาไว้เลย ที่นี่  Jozankei ( โจซังเค ) มาเดือนนี้หิมะจุกไม่ไหว -4 องศา เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจากตัวเมือง Sapporo แค่ 20 นาที / รถโดยสารสาธารณะชั่วโมงนิดๆ ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายตลอดทางกับเพลงซึ้งๆที่เปิดคลอ  พร้อมกับใบหน้าที่แนบกระจกกับวิวสองข้างทาง ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเห็นกับตาเลย สวยอะไรขนาดนี้ สวยไปไหม สวยจนหยุดหายใจ ส๊วยยยยย!!!!

สองข้างทางถูกโอบล้อมไปด้วยหิมะสีขาวที่หนาฟูฟ่อง เมืองทั้งเมืองเหมือนถูกทาทับด้วยสีขาว ขับความงามของทัศนียภาพด้วยสีน้ำตาล ดำ ของตึกรามบ้านช่องและแม่น้ำที่ไหลเป็นสายผ่านตัวเมือง

จุดถ่ายรูปมาแล้วห้ามพลาด ที่โจซังเค

1. ถนนวิวแม่น้ำ Toyohira River ยืนจากตรงนี้มองลงไปคือเมือง Jozankei ริมแม่น้ำ พร้อมทิวเขาที่สลับชั้นลดหลั่นแบบสวยงาม จนต้องอุทานออกมาในลำคอเบาๆเลยว่า สวยอะไรขนาดนี้

2. Suspension Bridge สะพานสีแดงที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่ขาวโพลน เบื้องล่างคือโขดหินสีดำ เงยหน้าขึ้นไปดูหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สวยจนหยุดหายใจเป็นแบบนี้จริงๆครับ ปุ่มหยุดเวลาอยู่ตรงไหน งืออ ไม่อยากให้เวลาเคลื่อนผ่านไปแม้แต่วินาทีเดียวเลยครับ สวยมากจริงๆ

3. Jozenkei Gensen Park จุดแช่ออนเซ็น ( ออนเซ็นเท้า ) ให้เราได้นั่งดูวิวยามเย็น พร้อมหย่อนตัวลงแช่เท้ากับความร้อนของออนเซ็นให้หายเหนื่อยจากความเมื่อยล้า พูดคุยไปกับเพื่อนร่วมทริปอย่างออกรส สวรรค์จริงๆ

4. ทริปนี้เราพักกันที่นี่ Grand Blissen Hotel Jozankei  ( グランドブリッセンホテル定山渓 ) อยู่ใกล้กับ จุดแช่ออนเซ็นเท้าเมื่อกี้เลย ห้องพักชั้น 7 วิวที่สวยที่สุดของโรงแรม ( ราคาจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลนะครับ )  แค่เปิดม่านออกเท่านั้นแหละ วิวภูเขาหิมะที่ตั้งตระหง่าน เบื้องล่างคือเมือง Jozankei ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ในห้องพักมีออนเซ็นให้แช่ด้วยนะครับ เปิดกระจกฟังเสียงลมหนาวด้านนอก พร้อมๆกับหิมะที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หย่อนตัวลงแช่ หลับตาเคลิ้มๆ กดเพลงที่ชอบใน Playlist ฟินระดับ 10 เลยครับ

พักที่นี่จะมีชุดให้เปลี่ยนตอนเราอยู่ในโรงแรมด้วยนะ ทุกคนจะใส่ชุดเหมือนกัน เดินไปมาทั่วโรงแรมเลย และ Amenities ต่างๆ เราเดินไปหยิบได้ที่ Shop บริเวณล็อบบี้นะครับ ใส่ถุงหิ้วขึ้นห้องได้เลย  ห้องอาหารที่นี่เป็นแบบ All Day Dining มื้อเย็นของเราเสิร์ฟเป็นคอร์ส ” Winter Seasonal Dinner” พร้อมสเต็กเนื้อวานิลลาโทคาจิ ( เลี้ยงในพื้นที่โทคาจิของฮอกไกโด ริบอายที่หมักด้วยวิธีเฉพาะของเชฟ แบบนุ่มมากไม่ไหวแล้ว เนื้อละลายในปาก สายเนื้อแบบเราคือแค่ได้ลิ้มรสสัมผัสนี่น้ำตาไหลแล้วนะ ตื่นเช้ามาอาหารเช้าจัดให้เป็นเซ็ต พร้อมวิวภูเขาหิมะด้านนอก ( ใช้คำว่าสวยเปลืองไปมากจริงๆสำหรับเมืองนี้ )

ด้านหลังโรงแรมอยู่ติดกับ Suspension Bridge ( สะพานแดง )และพลาดไม่ได้กับมื้อเช้า นั่นคือ นมฮอกไกโด งืออออ ละมุนนุ่มมันหอมอร่อย บรรยายยังไงให้รู้รสชาติด้วยครับ ฮ่าๆ  เมืองนี้ผมให้ 10 10 10 ในทุกมิติเลย ว้าวกับทุกก้าวที่เดิน ถ้าเลือกของวิเศษของโดเรม่อนได้จะเลือกปุ่มหยุดเวลาเลยครับ

ภาพถ่ายสวยไม่ได้ครึ่งของของจริงเลย ยิ่งมาช่วงปลายปีแบบนี้ หิมะกำลังตก ยิ่งคูณความสวยเข้าไปอีกหลายเท่าเลย