เพราะบ้านเป็นจุดศูนย์รวมของทุกคนในครอบครัว ประกอบไปด้วยผู้อยู่อาศัยที่หลากหลายเพศ หลากหลายอายุ หลากหลายช่วงวัย รวมไปถึงยังเป็นพื้นที่ที่รองรับการจัดงานสังสรรค์สำหรับกลุ่มเพื่อนที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนได้มีความสะดวกสบายเมื่อก้าวเข้ามาสู่ภายในบ้าน การกำหนดฟังก์ชั่นการใช้งานของบ้านจึงมีความสำคัญเพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง
โครงการบ้านอิสสระ บางนา (Baan Issara Bangna) บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ เปิดบ้านตัวอย่างหลังใหม่ กับสไตล์การตกแต่งที่มีความ Modern Luxury สะท้อนให้เห็นถึง “บ้าน” ที่เป็นจุดศูนย์รวมในการอยู่อาศัยของทุกคนในครอบครัวที่หลากหลายเจนเนอเรชั่น ด้วยผลงานการดีไซน์ By Olivia Living (โอลิเวีย ลีฟวิ่ง) ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์แบรนด์พรีเมียมระดับโลก และอินทีเรียดีไซน์ด้านการออกแบบตกแต่งภายในอย่างครบวงจรกับการตกแต่งบ้านหลังใหญ่ บนที่ดิน 142.4 ตารางวา สูง 3 ชั้น เนื้อที่ใช้สอย 700 ตารางเมตร ประกอบด้วย 6 ห้องนอน 8 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ พร้อมห้องรับแขกและห้องนั่งเล่น ครัว Pantry ครัวไทย ห้องแม่บ้าน 2 ห้อง พร้อมลิฟท์ สำหรับรูปแบบของการตกแต่งบ้านหลังนี้ (Abelia) เป็นแบบบ้าน 3 ชั้น Olivia Living ได้วางคอนเซ็ปต์การตกแต่งบ้านให้เป็นแนว Modern Luxury มีความโอ่อ่า หรูหรา ทันสมัย แต่ยังคงความเรียบง่าย ด้วยการเลือกใช้โทนสีโดยรวมของบ้านที่เป็นสีเทาอ่อน สีเบจ เป็นสีหลักในการตกแต่ง
ชั้น 1 ในส่วนของโซน Living Area ถือเป็นศูนย์รวมของสมาชิกภายในบ้านได้ทำกิจกรรมร่วมกัน หรือแม้แต่การที่เพื่อนๆ แวะเวียนมาพบปะสังสรรค์ ดังนั้นการวาง Layout จึงให้ความสำคัญกับ Open Space ที่สามารถเชื่อมพื้นที่กันระหว่างโซน Living, Dining และ Pantry สมาชิกในครอบครัวสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้กันได้อย่างมีความสุข อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับครอบครัว โดยในโซน Living นี้ได้มีการนำหินอ่อน Palissandro Classico สีชมพูอมน้ำตาล ลายเส้นแร่สีน้ำตาลประกายทอง มา ตกแต่งบนผนังทีวี มีการเลือกเฟอร์นิเจอร์โซฟา TIMOTHY Collection จาก แบรนด์ Meridiani นำเข้าจาก Italy เป็น Modular sofa 2 ชิ้นต่อกัน ในรูปทรงที่โปร่ง พนักพิงไม่สูงจนเกินไป ทำให้ห้องดูไม่อึดอัด สามารถเลือกขนาดได้ตามไซส์ของบ้านได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีการจัดวาง Layout เพื่อสร้าง Space ให้มีความต่อเนื่องมายัง คอร์ตยาร์ต (COURTYARD) พื้นที่สีเขียวรอบตัวบ้านที่จัดตกแต่งในสไตล์ Western ที่เน้นความเรียบง่าย แต่หรูหรา เลือกใช้ของตกแต่งที่ไม่ต้องอาศัยงานโครงสร้าง ง่ายต่อการดูแลรักษา เพื่อสร้าง Inspiration ในการตกแต่งสวนที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ภายในสวนจัดวางชุดโซฟา เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยทำให้เกิดการใช้งานที่ต่อเนื่องของผู้อยู่อาศัย ใช้น้ำพุเป็นจุดดึงสายตา สร้าง Movement และความมีชีวิตชีวาให้กับวิวภายนอก
ในส่วนของการเลือกสรรพันธุ์ไม้ภายในสวน มีการเลือกพันธุ์ไม้ที่ทนต่อสภาพอากาศ เหมาะกับสภาพแสง มีกลิ่นหอม ดูแลง่าย ไม่ทำลายโครงสร้างบ้าน ปลูกแล้วเป็นมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย เช่น ต้นมั่งมี ต้นล่ำซำ ต้นกันเกรา ต้นกระพี้จั่น ต้นลำดวน และต้นปีบ ซึ่งเป็นไม้ยืนต้น ให้ร่มเงา มีกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังเลือกใช้ไม้พุ่มเตี้ย และไม้คลุมดินที่มีรูปร่าง และขนาดของใบที่ต่างกันมาเพิ่ม Texture ให้กับสวน เช่น ต้นเกล็ดกะโห้ ต้นสนใบพาย ต้นพุดพิชญา ต้นเดหลีใบโพธิ์ ต้นเข็มอินเดีย หญ้ามาเล และต้นหนวดปลาดุกแคระ
ส่วนของโซน Dining Area มีการจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารหินอ่อนขนาดยาวเกือบ 3 เมตร มาพร้อมกับเก้าอี้หนังที่เป็นสีส้ม Amber ให้ตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลเทา ที่สีน้ำตาล และสีเทา ใช้เป็นสีของเฟอร์นิเจอร์หลักของชั้นนี้ และยังถือว่าเป็นโทนสีมาแรงของปี 2023 เพื่อสร้างจุดดึงดูดสายตา ทำให้บรรยากาศบ้านดูหรูหรา โอ่อ่า แต่ยังคงมีความสดใสซ่อนอยู่ สามารถรองรับสมาชิกภายในบ้านได้มากถึง 10 ที่นั่ง นอกจากนี้ไฮไลท์ของโซนนี้ยังประดับด้วย Sirene Smoke Glass Chandelier จากแบรนด์ Restoration Hardware นำเข้าจาก America ซึ่งมีเพียงตัวเดียวในประเทศไทย ขณะที่ในส่วนของ Pantry มีการปรับรูปแบบให้มีความแตกต่างมากขึ้นด้วยการเพิ่มเก้าอี้สตูล ปรับรูปทรงครัวไอแลนด์ เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานให้เป็นเป็นมุมปาร์ตี้สังสรรค์เบาๆ ได้
นอกจากนี้ชั้น 1 ยังมีการแบ่งโซนห้องนอนรับแขก หรือ Guest Room ที่อาจจะแวะเวียนมาพักอาศัยชั่วคราวให้มีความเป็นส่วนตัว ไม่ติดกับห้องใดๆ ภายในห้องมีความสะดวกสบายในการพักผ่อน โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบห้องให้มีขนาดใหญ่ ไม่มีการกั้นผนัง ห้องนอนเชื่อมโยงตรงกับตู้เสื้อผ้า ไม่เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ แต่ยังคงสามารถรับวิวสวนเมื่อเปิดม่านในยามเช้าได้อีกด้วย
มาต่อที่ชั้น 2 แบ่งเป็น 4 ห้อง 4 ฟังก์ชั่น ประกอบด้วย Family Room, Junior Master Bedroom, Girl’s Room และ Spa Room โดยคอนเซ็ปต์ของชั้นนี้อยากตกแต่งออกมาให้เป็นชั้นของ Family เล็กๆ เป็นชั้นของครอบครัวขยาย ที่แยกออกมาอีกชั้นหนึ่ง ชั้นนี้จะมีความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยมากขึ้น เริ่มจากห้องแรกอย่าง Family Room เป็นห้องที่ออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง มีการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีลูกเล่นของความโค้งมนทำให้ห้องนี้ดูมีความผ่อนคลาย เป็นกันเอง อีกทั้งยังวางแปลนให้มี Pantry เล็กๆ สำหรับสมาชิกในบ้านเพื่อเพิ่มความ Private โดยไม่จำเป็นต้องลงไปชั้นล่าง นอกจากนี้เองจุดเด่นของห้องยังเป็นห้องหัวมุมสามารถเห็นวิวตอนพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้สวยงามอีกด้วย
ในส่วนของห้องนอนแบ่งเป็น Junior Master Bedroom ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกันกับ Family Room เปรียบเสมือนเป็น Penthouse ของครอบครัว การออกแบบห้องนี้จึงมีความเป็น Contemporary ที่ออกไปทาง Masculine ดังนั้นจึงมีการเลือกใช้สีภายในห้องนอนให้ดูมีความสดใสมาตัดกับสีดำ
บริเวณ Foyer ที่เดินเข้ามามีการนำ Artwork จากแบรนด์ Leftbank Art มาตกแต่ง นอกจากนี้ในส่วนของบริเวณหัวเตียงกรุเป็นเหมือนผนังที่เต็มทั้งผนัง แต่ยังมีฟังก์ชั่นที่บานประตูขวาของเตียงให้สามารถสไลด์ออกเพื่อให้แสงสว่างเข้าได้อีกด้วย ขณะที่ Walk-in closet ของห้องนี้มีการนำประตูบานเลื่อนที่หน้าบานกระจกมี Texture พิเศษที่ช่วยทำให้ห้องดูโปร่ง
ถัดมาที่ห้อง Girl’s Room มีการวางคอนเซ็ปต์ให้ห้องนี้เป็นห้องนอนของลูกสาวที่โตขึ้นมาหน่อย ห้องนี้จะมีความเป็น Feminine มีสีสัน สดใส ตกแต่งด้วยสีโทนฟ้า เขียวมิ้นต์ มีการใช้ผนังลอน เพื่อทำให้ห้องดูอ่อนโยน แต่ยังคงความสดใสจากสีของเฟอร์นิเจอร์
ส่วนอีกห้องที่เป็นไฮไลท์ของชั้นนี้ Spa Room เป็นการปรับฟังก์ชั่นจากห้องนอน มาเป็นห้องสปาเพื่อให้บ้านมีพื้นที่การใช้งานได้มากขึ้นนอกจากการทำเป็นห้องนอน สำหรับห้องสปานี้มีความเป็นส่วนตัว และเป็นการปรับตามเทรนด์การสร้างพื้นที่ใช้สอย หรือพื้นที่ในการทำกิจกรรมที่ผู้อยู่อาศัยไม่สะดวกที่จะออกไปทำข้างนอก ซึ่งห้องนี้มีการออกแบบให้ดูมีลูกเล่น มีการใช้สีฟ้าอมเขียว ทำให้ดูสดใส และผ่อนคลาย
ในส่วนของชั้น 3 เปรียบเสมือนเป็นอาณาจักรของเจ้าของบ้าน เพราะทุกๆ โซนของชั้นนี้จะมีพื้นที่ใหญ่มาก เริ่มตั้งแต่ห้อง Master Bedroom มีการแบ่งฟังก์ชั่นของห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องทำงาน อย่างชัดเจน ห้องนี้เปรียบเป็นห้องของคุณพ่อ คุณแม่ ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มีความสุขุม เยือกเย็น จึงมีการเลือกใช้สี Steel Blue & Gold ในการตกแต่งห้องให้ดูผ่อนคลาย และสบายตา ส่วน Walk-in closet จะแบ่งการใช้งานอย่างชัดเจน โดยมีที่นั่งสำหรับแต่งหน้า 2 ที่ พร้อมกระจกบานใหญ่ ตู้เสื้อผ้ายาว 2 ฝั่ง แยกชาย-หญิง
ส่วนอีกหนึ่งห้องสุดท้ายคือ Elder Room เป็นห้องที่อยู่ติดกับลิฟท์โดยสาร การออกแบบคำนึงถึงการใช้งานของผู้สูงอายุ ให้ความสำคัญกับพื้นที่ห้องที่กว้างขวาง จัดสรรพื้นที่รองรับสำหรับ Wheelchair มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความโค้งมน ขนาดของเตียงจะไม่สูงมาก เป็นขนาดที่สั่งทำพิเศษ เพิ่มฟังก์ชั่นมุมเขียนหนังสือเล็กๆ มีการใช้โทนสีสว่างให้กับห้อง ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาล สีทอง ด้าน Walk-in closet จะไม่มีประตูกั้น เพราะคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก ตู้เสื้อผ้าจึงมีทั้งแบบหน้าบานเปิดและหน้าบานปิดผสมกัน
สำหรับโครงการ “บ้านอิสสระ บางนา” เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ตั้งอยู่บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.8 บนที่ดินประมาณ 24 ไร่ พื้นที่ดินขนาด 100 – 238 ตารางวา มีจำนวนเพียง 44 หลัง มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 380 – 800 ตารางเมตร พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งคลับเฮาส์ ฟิตเนส Amphitheater สระว่ายน้ำระบบเกลือ ระบบไฟฟ้าใต้ดิน โอบล้อมด้วยความเขียวขจีของสวน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 080 3995
Line OA : https://lin.ee/otDCZbH