จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เข้ามาเชื่อมต่อให้สามารถทำงานได้ทุกที่และภาวะโรคระบาด หลายองค์กรได้ปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินงานเป็นรูปแบบ Work From Home มากขึ้น นิยามของ Workplace จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศเพียงอย่างเดียว ทำให้ที่พักอาศัยในปัจจุบันต้องมีพื้นที่ใช้สอยพร้อมรองรับทุกกิจกรรม แต่หากจำเป็นต้องใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัดอย่างคอนโดมิเนียม การตกแต่งและเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับขนาดห้องจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการแปลงโฉมห้องพักให้มีสัดส่วนพื้นที่และบรรยากาศเอื้อต่อการทำงานยิ่งขึ้น   

ในฐานะผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร รวมถึงบริการตกแต่งและปรับปรุงที่อยู่อาศัย ธนา ต่อสหะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด MDPC Expertise Meets Excellence ได้เผยถึงเทคนิคการตกแต่งที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับวิถีชีวิต Work From Home ในปัจจุบัน โดยเฉพาะห้องพักในโครงการคอนโดมิเนียมที่ส่วนใหญ่จะมีพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดประมาณ 29 ตร.ม. ให้รองรับทั้งชีวิตการทำงานและพักผ่อนได้อย่างลงตัวด้วย 5 เทคนิคสำคัญ ได้แก่ 

1.ตกแต่งผนังห้องด้วย Earth Tone   

นอกจากช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายและรู้สึกสบายตาแล้ว การเลือกใช้วอลเปเปอร์สีโทนธรรมชาติ หรือ Earth Tone โดยเฉพาะสีเบจ (Beige) และสีเบจอมเทา (Greige) จะช่วยให้ห้องแลดูมีพื้นที่กว้างขวาง และสว่างมีชีวิตชีวาโดยไม่สะท้อนแสงไฟจนรบกวนสายตาเกินไป เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องใช้สมาธิและความสร้างสรรค์  ขณะเดียวกัน สีโทนนี้ยังเข้ากันได้กับอีกหลายโทนจึงง่ายต่อการตกแต่ง ช่วยขับให้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นภายในห้องพักดูโดดเด่น และยังสะดวกต่อการหามุมสำหรับ Video Conference  

2.วางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ชิดผนัง  

การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ให้ชิดผนังหรือเข้ามุม แล้วเปิดพื้นที่กลางห้องให้โล่ง มีทางเดิน จะช่วยให้ห้องดูโปร่ง เช่น วางโต๊ะทำงานชิดผนังห้อง เพื่อให้มีพื้นที่โล่งด้านหลัง ช่วยลดความรู้สึกอึดอัดขณะนั่งทำงาน และสะดวกต่อการถอยเก้าอี้  ทั้งนี้ ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่มีดีไซน์เรียบง่าย มีทรงเหลี่ยมจะจัดวางได้ง่ายกว่าทรงอื่น รวมถึงการใช้เฟอร์นิเจอร์แนวสูงอย่างชั้นเก็บของแบบเข้ามุม จะช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บของได้มากขึ้น 

3.เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Dual-purpose  

โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มักติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับขนาดห้องพัก อย่างตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว หรือชั้นวางแบบติดผนัง แต่เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เช่น เตียง โต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะกลางหน้าโซฟา และโซฟา จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวซึ่งใช้พื้นที่ใช้สอยมากกว่า จึงควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Dual-purpose หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้มากกว่า 1 ฟังก์ชัน และเฟอร์นิเจอร์พับเก็บได้ อย่างเตียงที่มีลิ้นชักเก็บของ โซฟาเบด และเก้าอี้ที่สามารถเก็บของได้จะช่วยลดจำนวนเฟอร์นิเจอร์ในห้องและประหยัดพื้นที่ใช้สอย  

4.กั้นห้องด้วยฉากโปร่งใส  

แม้พื้นที่ในห้องพักจะไม่เหมาะกับการแบ่งห้อง แต่หากต้องการจัดพื้นที่พักผ่อนในห้องนอนกับพื้นที่ทำงานแยกออกจากกัน ควรใช้ฉากกั้นแบบโปร่งใส ประตูกระจกบานเลื่อน ติดตั้งม่านที่สามารถเลื่อนเก็บได้ หรืออาจจะใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะโปร่ง เช่น ชั้นวางของที่ไม่มีผนังทึบ ซึ่งยังสามารถมองเห็นบริเวณอื่นของห้องได้ ช่วยไม่ให้ห้องดูคับแคบจนเกินไป มอบความรู้สึกโล่งสบายขณะพักอาศัย 

5.ติดกระจกเงาบานใหญ่ 

การนำกระจกเงาบานใหญ่ติดตั้งบนผนังห้องในมุมทำงานหรือมุมนั่งเล่น และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อย่างตู้เสื้อผ้าที่มีกระจกเงาตรงประตู และตู้เก็บอุปกรณ์ในห้องน้ำที่เป็นบานกระจก นอกจากจะใช้งานได้แบบ Dual-purpose แล้ว ยังช่วยสะท้อนภาพให้ห้องพักดูกว้างขึ้น  

“การอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมหรือที่พักที่มีขนาดกะทัดรัด ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตท่ามกลางกระแส Work From Home หากตกแต่งและประยุกต์พื้นที่ให้มีฟังก์ชันรองรับการใช้ชีวิตได้หลากหลาย ซึ่งที่ผ่านมาทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Interior Design ของ MDPC ได้เข้าไปช่วยแก้ Pain Point เหล่านี้กับผู้พักอาศัย รวมถึงการตกแต่งแบบ Personalized Design เติมเต็มไลฟ์สไตล์ผู้พักอาศัยที่แตกต่างกันให้พร้อมก้าวทันได้ทุกจังหวะชีวิต”  นายธนา กล่าว 

บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด MDPC Expertise Meets Excellence เป็นผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ปัจจุบัน ให้บริการใน 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจบริหารจัดการอาคาร 2.ธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ 3.ธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ 4.ธุรกิจตกแต่งและปรับปรุงที่อยู่อาศัย 5.ธุรกิจบริการด้านความสะอาด 6.ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง มีวิสัยทัศน์ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือในการดูแลอสังหาริมทรัพย์เพื่อผู้บริโภค