เอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ สานต่อพันธกิจอันยิ่งใหญ่ของเอเวอลีน เอช. ลอเดอร์ในการร่วมขจัดภัยมะเร็งเต้านม พร้อมก้าวสู่ปีที่ 30 ของการทำแคมเปญกระตุ้นเตือนภัยมะเร็งเต้านม หรือ Breast Cancer Campaign เพื่อรณรงค์ให้ผู้หญิงทั่วทุกมุมโลกตระหนักถึงภัยของโรคนี้ โดยประกาศความร่วมมือกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เพื่อส่งมอบบริการรถตรวจมะเร็งเต้านมเคลื่อนที่ให้กับสตรีผู้ขาดโอกาสตามชุมชนราว 600 คน พร้อมเชิญชวนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์ผ่านผลิตภัณฑ์สีชมพู (Pink Products) ของ แบรนด์ต่างๆ ในเครือเอสเต ลอเดอร์ โดยยอดขายหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรอิสระด้านการค้นคว้าวิจัย บริการทางการแพทย์ ตลอดจนโครงการเพื่อให้ความรู้สู่สาธารณะ
นายวีคัส แทนดัล กรรมการผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ที่ผ่านมา แคมเปญกระตุ้นเตือนภัยมะเร็งเต้านมและมูลนิธิการกุศลของเอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ สามารถระดมทุนทั่วโลกได้มากกว่า 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเราได้มอบเงินจำนวน 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับมูลนิธิวิจัยมะเร็งเต้านม (BCRF) เพื่อสนับสนุนงานของมูลนิธิในด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็งเต้านมโดยเฉพาะ สำหรับในประเทศไทย เอสเต ลอเดอร์ ได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือหน่วยงานด้านโรคมะเร็งมาเป็นระยะเวลากว่า 19 ปีแล้ว โดยเราสามารถระดมทุนได้มากกว่า 20 ล้านบาท ที่สามารถนำไปใช้สนับสนุนงานวิจัย การศึกษา และการเพิ่มศักยภาพของบริการด้านการแพทย์เพื่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในประเทศไทย ซึ่งในวาระครบรอบ 30 ปีของแคมเปญในปีนี้ เราต้องการกระตุ้นเตือนภัยมะเร็งเต้านมแบบเชิงรุก จึงเป็นที่มาของการจับมือกับสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติเพื่อส่งรถตรวจมะเร็งเต้านมเคลื่อนที่ถึงในชุมชน เพื่อให้ผู้หญิงสามารถมาตรวจและเฝ้าระวังโรคนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย”
แผนการดำเนินงานในวาระครบรอบ 30 ปีของโครงการกระตุ้นเตือนภัยมะเร็งเต้านมของเอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ในปีนี้ประกอบด้วย
- การเดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมสำหรับผู้คนในระดับชุมชน พร้อมสนับสนุนการเริ่มตรวจตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อช่วยป้องกันและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านความร่วมมือกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เพื่อช่วยจัดสรรบริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมให้กับสตรีผู้ขาดโอกาสและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงตลอดเดือนตุลาคม 2565
- การรณรงค์กระตุ้นเตือนภัยมะเร็งเต้านมผ่านแฮชแท็ก #TimetoEndBreastCancer และผลิตภัณฑ์สีชมพูซึ่งจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคมนี้ นำโดยผลิตภัณฑ์จาก 5 แบรนด์ที่เข้าร่วม ได้แก่
- Hand Relief™ Moisturizing Cream with พร้อมด้วย Shampure™ Aroma จากอะเวดา
- Proud to Be Pink Crushed Oil-Infused Gloss Duo จากบ็อบบี้ บราวน์
- Limited Edition Moisture Surge™ 100H Auto-Replenishing Hydrator จากคลินิกข์
- Advanced Night Repair Synchronized Multi-Recovery Complex และ Pink Ribbon mini–Lipstick Collection จาก เอสเต ลอเดอร์
- Ginger Souffle™ Whipped Body Cream จาก ออริจินส์
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า “ในนามของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ผมต้องขอบคุณเอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้และป้องกันโรคมะเร็งเต้านม สถาบันฯ กับบริษัทเอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนานกว่า 12 ปี ซึ่งในปีนี้ถือว่าเป็นวาระที่พิเศษยิ่งขึ้นในโอกาสครบรอบ 30 ปีแคมเปญกระตุ้นเตือนภัยมะเร็งเต้านม ที่เราจะมีการจัดบริการรถตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเคลื่อนที่ลงไปถึงชุมชนต่างๆ มะเร็ง เต้านมเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเพราะเป็นโรคที่เกิดได้กับผู้หญิงทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มที่อายุมากกว่า 40 ปี หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกก็มีโอกาสรักษาให้หายได้ ปัจจุบันพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ทั่วโลกประมาณ 2.2 ล้านคน และเสียชีวิตราว 684,996 คน สำหรับประเทศไทย มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงไทย แต่ละปีมีผู้ป่วยด้วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ราว 17,043 คน หรือคิดเป็น 47 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตถึง 13 คนต่อวัน และคาดการณ์ว่าน่าจะมีจำนวนเพิ่มมากกว่า 22,000 รายในปีหน้า[1] ดังนั้นมะเร็งเต้านมจึงเป็นโรคที่เราควรให้ความใส่ใจเพื่อลดโอกาสที่จะเสียชีวิตจากมะเร็งชนิดนี้”
สถาบันมะเร็งแห่งชาติเริ่มมีการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเชิงรุกด้วยรถเอ็กซเรย์และอัลตราซาวด์เต้านมชนิดเคลื่อนที่มาตั้งแต่ปี 2551 สามารถรองรับการถ่ายภาพเอ็กซเรย์เต้านมได้อย่างคมชัด รวดเร็ว และให้รายละเอียดสูง พร้อมทั้งมีเครื่องตรวจเต้านมด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงแบบอัตโนมัติสามมิติ (Automated Breast Ultrasound Scanner) ที่เหมาะสำหรับการให้บริการในพื้นที่ชุมชนได้อย่างคล่องตัวและเข้าถึงประชาชนได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปสามารถคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยวิธีที่เป็นมาตรฐานสากลได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน การเข้ารับการตรวจจากแพทย์หรือพยาบาลอย่างน้อยปีละครั้ง หรือการเข้ารับการตรวจด้วยวิธีเอกซเรย์และอัลตราซาวด์เต้านม (Mammogram) ในผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีประวัติญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม