บริษัท ดีไซน์ บริดจ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (Design Bridge and Partners) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะบริษัทด้านการออกแบบระดับโลกแห่งใหม่ในเครือ WPP หลังการควบรวมกิจการของดีไซน์ บริดจ์ (Design Bridge) และซุปเปอร์ยูเนี่ยน (Superunion) ที่ประกาศออกไปก่อนหน้านี้ในปี 2565 การรวมกันของสองบริษัทภายใต้วิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกันสำหรับการกำหนดนิยามพื้นฐานใหม่ของการทำงานออกแบบสำหรับยุคใหม่ ช่วยให้ดีไซน์ บริดจ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์สอยู่ในแถวหน้าของการเติบโตทางธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านการทำงานดีไซน์ทั้งสำหรับผู้บริโภค ธุรกิจ และการออกแบบประสบการณ์ จอห์น มอร์ริส ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีไซน์ บริดจ์ จะก้าวขึ้นไปดำรงตำแหน่งกรุ๊ปซีอีโอ ส่วนจิม ไพรออร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซุปเปอร์ยูเนี่ยน จะก้าวขึ้นเป็นประธานบริหาร

ดีไซน์ บริดจ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส ยังประกาศแต่งตั้ง “อาแมนดา สุดาทิพย์ แฮนค๊อค” เพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย อาแมนดามีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และด้านการตลาดด้วยประสบการณ์กว่า 2 ทศวรรษในการทำงานในเอเจนซีชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก โดยนอกจากอาแมนดาจะมีประสบการณ์ในตำแหน่งระดับอาวุโสทั้งที่ เจ วอลเตอร์ ธอมสัน และแมคแคน เวิลด์กรุ๊ป ไอพีจีแล้ว ก่อนเข้าร่วมงานกับดีไซน์ บริดจ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส เธอยังผ่านประสบการณ์การทำงานในตำแหน่ง Creative Agency Partner ที่ Meta มาหมาดๆ

“โดยพื้นฐานแล้วเราเชื่อว่าดีไซน์เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในธุรกิจ แต่ถึงอย่างนั้น ในอดีตที่ผ่านมา ดีไซน์ยังคงเป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์น้อยเกินไป ซึ่งสำหรับดีไซน์ บริดจ์ แอนด์            พาร์ทเนอร์ส เรามีพันธกิจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ โดยในขณะเดียวกัน เรายังพร้อมร่วมกำหนดอนาคตขององค์กรทั่วโลกผ่านการปลดปล่อยพลังแห่งการออกแบบและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่” จอห์น มอร์ริส กล่าวก่อนเสริมว่า “สำหรับเรา ความสำคัญของดีไซน์ไม่ใช่แค่เพียง “ดีไซน์คืออะไร” แต่คือเรื่องที่ว่า “ดีไซน์สามารถทำอะไรได้บ้าง” ทั้งสำหรับแบรนด์ ธุรกิจ และโลกของเรา ผมเชื่อว่า ดีไซน์นั้นมีบทบาทสำคัญต่อการตอบคำถามพื้นฐานของโลกทุกวันนี้”

ดีไซน์ บริดจ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส คือผู้นำด้านการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายด้านต่างๆ ของลูกค้าโดยเฉพาะ บริษัทฯ พร้อมดึงทีมงานที่เปี่ยมด้วยความสามารถระดับสูงจากเครือข่ายพนักงานที่มีความแข็งแกร่งกว่า 850 คนซึ่งทำงานอยู่ใน 12 ประเทศ มาช่วยกันปลดล็อกศักยภาพให้กับแบรนด์ ธุรกิจและผู้คน ลูกค้าของบริษัทฯ ได้แก่ NASA Artemis, Unilever, Coca-Cola, Microsoft, Diageo, Mastercard, Intel, Mondelez, Tencent, HSBC, Colgate, Reckitt, Fortnum & Mason, BBC และอีกมากมาย สำหรับ Design Bridge and Partners Thailand ยังมีลูกค้าจากหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบริการ (hospitality) ตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภค ความงาม และพลังงาน ซึ่งหมายรวมถึง ปตท. นีโอ คอร์ปอเรชั่น และบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ด้วย

อาแมนดา สุดาทิพย์ แฮนค๊อค กรรมการผู้จัดการ ดีไซน์ บริดจ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งในการเข้าสู่ธุรกิจนี้ที่กำลังขยายขีดความสามารถ พร้อมนำเสนอบริการด้านกลยุทธ์แบรนด์ที่มีความกว้างไกลและหลากหลาย ตั้งแต่เรื่องอัตลักษณ์ของ   แบรนด์ ไปจนถึงการออกแบบและบรรจุภัณฑ์ เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้าของเราอย่างครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งภายใต้การผสานความเชี่ยวชาญและความหลงใหลจากทีมงานในเครือข่ายของเราเข้ากับความเข้าใจเชิงวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งในฐานะพันธมิตรในตลาดไทย เราจึงมีความพร้อมสำหรับการสร้างประสบการณ์การออกแบบแบรนด์ (brand design experience) ได้อย่างน่าจดจำและพร้อมสร้างอิมแพ็คได้อย่างโดดเด่นยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสามารถขยายอิมแพ็คที่พวกเขามีไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย สิ่งที่สำคัญก็คือ เรามีความสามารถในการสร้างแบรนด์อย่างครบวงจร (end-to-end) และแข็งแกร่ง ตลอดจนความสามารถในการใช้ดีไซน์เพื่อขับเคลื่อนผลกระทบทางธุรกิจ ทั้งสองส่วนนี้คือสิ่งที่ทำให้เราสามารถช่วยลูกค้าปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของธุรกิจและแบรนด์ของพวกเขาเพื่อบรรลุการเติบโตในระยะยาวได้สำเร็จ”

ดีไซน์ บริดจ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส มีศูนย์กลางด้านความเป็นเลิศทั้งในนิวยอร์ก ลอนดอน เซาเปาโล อัมสเตอร์ดัม สิงคโปร์ มาดริด เบอร์ลิน และเซี่ยงไฮ้ บริษัทฯ จึงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมในทุกแง่มุมของกลยุทธ์แบรนด์ อัตลักษณ์ ประสบการณ์ และการดูแลแบรนด์ ซึ่งหมายรวมถึงการออกแบบกราฟิก       โมชัน ดิจิทัล การออกแบบด้านกายภาพและการสื่อสาร ด้วยปรัชญาการสร้างสรรค์ผ่านการใช้ประโยชน์จากพลังของดีไซน์เพื่อก้าวข้ามความท้าทายทางธุรกิจและความท้าทายทางสังคม ธุรกิจของบริษัทฯ จะให้ความสำคัญเชิงวัฒนธรรมต่อการทำงานร่วมกันและการบ่มเพาะผู้ที่มีความสามารถ เพื่อสร้างความร่วมมือที่ทั้งลึกซึ้งและยาวนานกับลูกค้า พร้อมไปกับการดำเนินงานในฐานะองค์กรระดับโลกอย่างไร้รอยต่อเพื่อนำทีมงานที่เปี่ยมด้วยความสามารถสูงสุดมาสร้างสรรค์ผลงานให้กับลูกค้าไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม