โลตัส (LOTUS) แบรนด์ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ที่ยืดหยัดอยู่แถวหน้าของโลกมานานกว่า 75 ปี พร้อมเปิดศักราชใหม่สู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เปิดตัว “Lotus Eletre” (โลตัส อีเลททร้า) ไฮเปอร์เอสยูวีไฟฟ้าแนวไลฟ์สไตล์รุ่นแรกของแบรนด์ ตอบโจทย์ลูกค้ารุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะพร้อมการขับขี่ระดับเวิลด์คลาสและดีไซน์ที่สวยงามโดดเด่น โดย Lotus Eletre พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางในแบบฉบับของโลตัสอย่างแท้จริง โดยผสานไดนามิกการขับขี่ที่ตื่นเต้นเร้าใจเข้ากับฟังก์ชันการใช้สอยในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Eletre ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่เป็นสุดยอดยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกและรุ่นสำคัญที่สุดของโลตัส ซึ่งเกิดจากการหลอมรวมมรดกความเชี่ยวชาญอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ นำจิตวิญญาณของสปอร์ตคาร์รุ่นล่าสุดอย่าง Emira มาผสานกับเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์อันล้ำสมัยของไฮเปอร์คาร์รไฟฟ้า 100% ในรุ่น Evija เพื่อสร้างสรรค์เป็นไฮเปอร์เอสยูวีรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด “เกิดในอังกฤษ ผงาดสู่ระดับโลก” โดย Eletre เป็นความร่วมมือระดับนานาชาติผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยทีมวิศวกรทั้งในสหราชอาณาจักร เยอรมนี และจีน ซึ่งจะวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ Eletre S และ Eletre R เปิดปรากฏการณ์ไฮเปอร์เอสยูวีระบบไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ผ่านการนำประสบการณ์การขับขี่มาตีความใหม่เพื่อมอบความเป็นเลิศทั้งระบบกันสะเทือนและเทคโนโลยีโครงแชสซี สมรรถนะการขับขี่ การควบคุม และประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์อันยอดเยี่ยม

ฟีเจอร์มาตรฐานของ Lotus Eletre จะประกอบด้วยระบบถุงลมกันสะเทือนแบบแอ็กทีฟ, ระบบควบคุมการหน่วงต่อเนื่อง, ระบบแรงบิดเวกเตอร์, ระบบ Lotus Intelligent Dynamic Chassis Control, ล้อขึ้นรูปขนาด 23 นิ้วแบบ 5 ก้านพร้อมเคลือบผิวแบบ Diamond-turned (รุ่นมาตรฐานในตลาดเมืองไทยจะใช้ล้อขนาด 22 นิ้วแบบ 5 ก้าน), ไฟหน้า Matrix LED, ระบบ Adaptive Cruise Control, ระบบ Visual Park Assist, ระบบปรับอากาศ 4 โซน, เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง, เทคโนโลยีแสดงผลบนกระจกหน้ารถแบบ Head-up Display, ระบบ Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย รวมถึงระบบเสียง KEF Premium Audio 1,380W 15 ลำโพง เพื่อตอบโจทย์ความบันเทิงในทุก ๆ การเดินทาง

Eletre S: ตอบโจทย์ความหรูหราเพื่อไลฟต์สไตล์ที่แตกต่าง นอกจากระบบมาตรฐาน ยังครบครันด้วยฟีเจอร์อื่น ๆ อาทิ การปิดประตูแบบนุ่มนวล, กระจกเคลือบดำเพิ่มความเป็นส่วนตัว, สปอยเลอร์หลังแบบแอ็กทีฟ, ระบบไฟตกแต่งในห้องโดยสารที่ตั้งค่าได้, กาบประตูเรืองแสง, ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ, ระบบเสียง KEF Reference 2,160 วัตต์ 23 ลำโพง และล้อขึ้นรูปขนาด 22 นิ้วแบบ 10 ก้านในเฉดสีเทาพร้อมทำผิวแบบ Diamond-turned

Eletre R: รุ่นแฟล็กชิฟที่เน้นประสิทธิภาพและการขับขี่ที่เร้าใจ ติดตั้ง Lotus Dynamic Handling Pack (ประกอบด้วย Intelligent Active Roll Control และ Active Rear Steering) แพ็กเกจชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ Carbon Pack, ยางสมรรถนะสูงรุ่น Pirelli P Zero และการเคลือบสีล้อโทนดำเงา พร้อมเพิ่มโหมดการขับขี่แบบที่ 6 คือ Track Mode สำหรับสนามแข่ง ซึ่งจากการทดสอบสมรรถนะสุดโหด ซึ่งรวมถึงที่สนาม Nürburgring ปรากฏว่า Eletre R คือเอสยูวีระบบไฟฟ้า 100% แบบสองมอเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ณ เวลานี้ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.) ในเวลาไม่ถึง 3 วินาที

ส่วนระบบชาร์จก็เร็วแรงไม่แพ้กัน โดยชาร์จไฟจาก 10-80% ในเวลาเพียง 20 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาทีก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 120 กม. (ราว 74 ไมล์) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่มอบแรงฉุดได้อย่างฉับไวบวกกับประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนสี่ ทำให้ Eletre R มีแรงลากสูงถึง 2,250 กก. นอกจากนี้ ยังมีจอแสดงผลแบบ Head-up Display ขนาด 29 นิ้ว ในรูปแบบจอเสมือนบนกระจกหน้าที่ฉายกราฟิกซ้อนทับมุมมองด้านหน้า ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนนในขณะดูข้อมูล ในขณะที่ชุดเซ็นเซอร์ยังสามารถอัปเดตได้แบบ Over-the-air (OTA) เพื่อมอบประสิทธิภาพการขับขี่ระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยที่สุดอยู่เสมอ ส่วนลูกค้าในโซนยุโรปและสหราชอาณาจักรจะได้ใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยมากกว่าและการรับประกันที่ครอบคลุมให้เป็นบริการมาตรฐาน

ลูกค้าของ Eletre ทุกรุ่นยังสามารถเลือกแต่งรถให้สะท้อนถึงตัวตนได้ตรงใจ ด้วยออฟชั่นการตกแต่งมากมาย ซึ่งรวมถึงชุดเบาะนั่ง Executive Seat Pack, ชุดเบาะนั่ง Comfort Seat Pack, อุปกรณ์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์, ชุดตกแต่งภายในด้วยคาร์บอนไฟเบอร์, Parking Pack, และ Highway Assist Pack และอีกมากมาย โดยลูกค้ายังสามารถเลือกเฉพาะออปชั่นที่ต้องการจากแต่ละแพ็กเกจได้ รวมถึงเฉดสีและรูปแบบการตกแต่งภายในที่มีให้เลือกหลากหลายสไตล์อย่างไม่จำกัด โดยเวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย เปิดรับออเดอร์ รุ่น Eletre S ราคา 5,890,000 และ Eletre R ราคา 6,590,000 บาท กำหนดเริ่มส่งมอบรถตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2024 เป็นต้นไป