นายคริส เชิดสุริยา ประธานที่ปรึกษากรรมการบริหารบริษัท ออเนอร์กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมเมืองพัทยา เปิดเผยว่า ในปี 2567 จะมีการลงทุนจำนวน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โรงแรมจำนวน 2 แห่ง รวมกว่า 500 ห้อง เปิดบริการในปี 2568 แนวราบ 2 โครงการ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ และรีเทล 1 โครงการ รวมถึงตั้งงบสำหรับซื้อที่ดินเพิ่มประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยมีความสนใจทั้งย่านจอมเทียน พระตำหนัก แหลมบาลีฮาย และจังหวัดใกล้เคียง เช่น หาดแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง เนื้อที่ 20 ไร่อยู่ระหว่างการเจรจา มีแผนจะพัมนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรม เป็นต้น

นายคริส เชิดสุริยา ประธานที่ปรึกษากรรมการบริหารบริษัท ออเนอร์กรุ๊ป จำกัด

“การที่เรามั่นใจลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท เพราะเห็นสัญญาณที่ดีจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2566 ซึ่งพัทยาถือเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดูจากยอดการเข้าพักของ 2 โรงแรมเรามียอดจองกว่า 85% และเป็นต่างชาติมากกว่า 60-65% ในปี 2567 จึงตัดสินใจลงทุนโรงแรมเพิ่มอีก 2 แห่ง เป็นระดับ 4.5 ดาว ขนาด 300 ห้องกับ 200 ห้อง ค่าห้องเฉลี่ย 4,000 บาทต่อคืน เป็นการขยายพอร์ตกลุ่มระดับบนเพิ่มจากปัจจุบันเรามีพอร์ตโรงแรมเป็นระดับ 3.5 ถึง 4 ดาวและค่าห้องอยู่ที่ 2,000 บาทต่อคืน”นายคริสกล่าว

นายคริสกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัยพย์ในพื้นที่พัทยาเริ่มคึกคักตามภาคการท่องเที่ยว รวมถึงประเทศไทยมีความเป็นกลาง ทำให้ต่างชาติเห็นเป็นพื้นที่เซฟโซน สะท้อนจากยอดขายโครงการคอนโดมิเนียม วันซ์ พัทยา มีจำนวน 427 ยูนิต มีลูกค้าต่างชาติมาซื้อ ซึ่งประเทศเกาหลีซื้อมากสุด เป็นห้องใหญ่และราคาแพงสุด 20 กว่าล้านบาท ยังมีจากยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย ในปัจจุบันเหลือขาย 5% หรือกว่า 10 ยูนิตสุดท้าย คาดว่าจะปิดการขายได้ในเร็วๆนี้

นายคริสกล่าวว่า ล่าสุดบริษัทได้ซื้อที่ดิน 17 ไร่ อยู่ทำเลใจกลางเมืองพัทยาบริเวณวงเวียนโลมา ใกล้ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โดยแบ่งพื้นที่ 4 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมสูง 55 ชั้น จำนวนกว่า 600 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 35 ตารางเมตร(ตร.ม.) ถึงห้องเพนต์เฮาส์ 400 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 170,000 บาทต่อตร.ม. หรือเริ่มต้นยูนิตละ 6 ล้านบาท คาดว่าเปิดตัวภายในไตรมาส3 นี้ หลังได้รับอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว โดยลูกค้าเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติ 50% ชาวไทยและนักลงทุนปล่อยเช่า 25% อีก 25% เป็นผู้ที่ต้องการซื้ออยู่เอง ส่วนอีก 13 ไร่ เป็นโครงการรีเทล จะใช้เงินลงทุนหลัก 100 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการปรับปรุงของเดิมมีอยู่แล้ว และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็นปอดใจกลางเมือง

“ตลาดอสังหาฯเมืองพัทยาค่อนข้างดี และยังมีทุนส่วนกลางเข้ามาลงทุน และราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น ขณะนี้น่าจะอยู่ที่วาละ 1-2 ล้านบาท ในด้านสถานการณ์กู้ไม่ผ่าน ในส่วนของเราไม่ค่อยมีปัญหา เพราะส่วนใหญ่ได้ลูกค้าต่างชาติที่มาซื้อคอนโดฯ ซึ่งลูกค้าจะจ่ายสด ส่วนคนไทยที่มาซื้อเป็นกลุ่มมีรายได้และบางรายก็ซื้อเหมาฟลอร์ร่วม 10 ยูนิต มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งยังมีความมั่นใจในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินและเมืองการบินอู่ตะเภาจะมีการเดินทางต่อ แต่อาจจะล่าช้าไปบ้าง เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้เงินลงทุนสูง” นายคริสกล่าว

นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มล้อมรั้วเพื่อเดินหน้าก่อสร้างโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยาแห่งที่ 3 แล้ว มีจำนวน 494 ห้อง ใช้เงินลงทุน 4,400 ล้านบาท บนที่ดิน 22 ไร่ อยู่ข้างโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา วางเป้าเปิดบริการในปี 2570

 

นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพัทยา กล่าวว่าเตรียมนำที่ดินติดหาด 100 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส คาดใช้เงินลงทุน 10,000 ล้านบาท

โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อไม่ใช่เฉพาะกลุ่มนักธุรกิจที่มีเงินเย็นและมีรายได้สูงเท่านั้น แต่ยังมีลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งนักธุรกิจรุ่นใหม่ อายุน้อย รวมถึงลูกค้าชาวจีนที่อาศัยและทำธุรกิจในประเทศไทย สนใจโครงการซื้อมากขึ้นด้วย ที่คาดว่า จะปิดการขายห้องชุดพร้อมอยู่โครงการโอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่ถึง 10% แล้ว จากจำนวน 268 ยูนิต ได้ภายในปีหน้าอย่างแน่นอน ทำให้บริษัทอาจพิจารณาที่จะลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ เพราะยังมีที่ดินเหลือพัฒนาอีกเกือบ 100 ไร่”