การท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ หรือ Film Tourism เป็นปรากฏการณ์ที่นักท่องเที่ยวได้ตามรอยไปเยือนสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเคยปรากฏในภาพยนตร์หรือรายการทีวี จนปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก เพราะช่วยให้จุดหมายปลายทางต่าง ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น ดึงดูดใจความสนใจของนักท่องเที่ยว และยังเพิ่มมูลค่าทางการตลาดมากขึ้นอีกด้วย ในวงการภาพยนตร์จะเรียกกลยุทธ์นี้ว่า ‘Set–Jetting’ เพื่อช่วยสร้างความนิยมให้กับโลเคชั่นที่กำลังถ่ายทำ โดยคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาตามรอย จนเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ

รายงานแนวโน้มการท่องเที่ยวของเว็บไซต์ Expedia ประจำปี 2567 ได้ระบุว่า ภาพยนตร์และรายการทีวีที่สตรีมผ่านแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตเป็นแรงบันดาลให้กับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 44 เปอร์เซ็นต์ แซงหน้าอิทธิพลของโซเชียลมีเดียซึ่งอยู่ที่เพียง 15 เปอร์เซ็นต์ โดยส่งผลให้มีค่านิยมในการ ‘จองที่พักล่วงหน้า’ จนทำให้เกิดตัวเลขในเชิงบวกอย่างมากในการจองห้องพักของปีนี้

ไทยเป็นประเทศหนึ่งซึ่งได้รับผลกระทบในเชิงบวกจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยหน่วยงานต่าง ๆ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากปรากฏการณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2565 รัฐบาลได้ออกนโยบายเชิงรุกด้วยการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเป็นเวลา 5 ปีสำหรับนักแสดงชาวต่างชาติที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย ซึ่งเป็นการเสริมแรงจูงใจให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์เพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วมมากกว่าเดิม นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ออกนโยบายปรับอัตราการคืนเงินเพิ่มให้ผู้สร้างหนังสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ภูเก็ตเป็นโลเคชั่นหลักในการถ่ายทำสำหรับภาพยนตร์ต่างประเทศหลายเรื่อง

จังหวัดภูเก็ตมีชื่อเสียงในเรื่องชายหาดที่สวยงาม ต้นไม้เขียวชอุ่ม รีสอร์ทสุดหรู และได้เป็นฉากหลังของภาพยนตร์หลายเรื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างจากซีรีส์เรื่อง ‘White Lotus’ ที่ออกฉายทางช่องเอชบีโอ (HBO) ซึ่งปักหลักถ่ายทำบนเกาะแห่งนี้ ส่งผลให้โรงแรมหลายแห่งมียอดจองที่เพิ่มสูงขึ้นก่อนซีซัน 3 จะลงจอในปี 2568 ขณะเดียวกัน ซีรีส์แนวรักโรแมนติกที่ติดอันดับใน Netflix เรื่อง ‘Mother of the Bride’ ซึ่งถ่ายทำใน โรงแรมอนันตรา ลายัน ภูเก็ต (Anantara Layan Phuket) และ โรงแรมอนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต (Anantara Mai Khao Phuket) ก็สามารถดึงดูดผู้ชมทั่วโลกให้อยากมาเยือน จากการนำเสนอประสบการณ์การพักผ่อนสุดหรู และทัศนียภาพอันงดงามในรีสอร์ท

วิลเลียม ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นแขกรับเชิญในภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวด้วยความกระตือรือร้นว่า “ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ปรากฏการณ์ ‘set-jetting’ หรือการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ ที่นักท่องเที่ยวออกเดินทางมาตามรอยสถานที่ถ่ายทำหนัง ซีรีส์ หรือรายการทีวี เรื่องโปรด เราจึงมีเป้าหมายในการโปรโมทประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภาพยนตร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในท้องถิ่น และผลประโยชน์ที่จับต้องได้ให้กับทีมงานฝ่ายผลิตทั้งในด้านต้นทุนและประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อประเทศไทยประสบความสำเร็จ เราทุกคนถือว่าประสำความสำเร็จด้วยเช่น”

ยิ่งไปกว่านั้น การทำให้เกาะภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางทุกคน ยังส่งผลให้ยอดการขายอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นไปด้วย เพราะนักลงทุนต่างก็มองเห็นเสน่ห์ของภูเก็ตผ่านโปรดักชั่นต่าง ๆ ที่มาถ่ายทำ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนต่างยกให้เกาะแห่งนี้เป็นทำเลทองลำดับต้น ๆ ของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการซื้อบ้านพักตากอากาศในฐานะ ‘บ้านหลังที่สอง’ รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ จนทำให้ภูเก็ตทะยานขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนแบบลักซ์ชูรีอันดับต้น ๆ ของโลก

มร. ไมคา ตามไท (Mr. Micah Tamthai) ประธานฝ่ายปฏิบัติการ, ไลฟ์สไตล์ และอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันมูลค่าการลงทุนให้เพิ่มสูงขึ้นในภูเก็ต นักลงทุนต่างตระหนักถึงคุณค่าของอสังหาริมทรัพย์ในจุดหมายปลายทางที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์หรือรายการทีวีที่ได้รับความนิยม การเป็นเจ้าของบ้านพักตากอากาศในโลเคชั่นที่อยู่ในภาพยนตร์จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์ เหล่าผู้ซื้อเชื่อว่าพวกเขากำลังลงทุนในทรัพย์สินที่พิเศษและไม่เหมือนใคร อสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่มีชื่อเสียงจะสามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าที่สูงขึ้น นอกจากนี้ กำไรจากการขายทรัพย์สินยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยว และผู้ซื้อที่มีศักยภาพ”

สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ ‘เที่ยวตามรอยภาพยนตร์’ ไมเนอร์ (Minor) ยังคงมีตัวเลือกที่พักอาศัยระดับพรีเมียมให้เลือกลงทุนอีกมากมาย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดศักยภาพที่มีผลตอบแทนสูง และสร้างให้ภูเก็ตเป็นเกาะสวรรค์แห่งเมืองร้อนได้อย่างแท้จริง

คิอารา รีเซิร์ฟ (Kiara Reserve) โครงการสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าวลายัน มาพร้อมวิลล่า และคอนโดมิเนียมแบบ 3 และ 4 ห้องนอน รวมทั้งสิ้น 46 ยูนิต มีกำหนดสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2568 ความต้องการด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของ ไมเนอร์ ยังคงร้อนแรง กับโครงการ อวาดิน่า ฮิลส์ บาย อนันตรา (Avadina Hills by Anantara) โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับอัลตร้าลักซ์ชูรี ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินติดชายหาด และอยู่ในโซนที่การขนานนามว่าเป็น ‘Millionaire’s Mile’ เพราะเต็มไปด้วยอสังหาริมทรัพย์สุดหรูอันเป็นที่ต้องการของเศรษฐีทั่วโลก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสในการเป็นเจ้าของ Kiara Reserve หรือนัดหมายเข้าชมแบบส่วนตัว สามารถติดต่อผ่านเว็บไซต์ www.kiara-reserve.com หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ของ Minor International โทร 08 5484  8752 หรือที่อีเมล propertysales@minor.com  ดูรูปเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่นี่: https://we.tl/t-MAOvpjJwwp