แบรนด์โรงแรมลักชัวรี่บูติคสุดชิก “W Hotels” (ดับเบิลยู) ในเครือ Marriott (แมริออท) เปิดตัวโรงแรมแห่งที่ 3 ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ “W Dubai – Mina Seyahi” (ดับเบิลยู ดูไบ มินาเซยาฮี) โดยเพิ่งเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกในเดือนมิถุนายน 2565 นี้ และเพียงไม่นานก็ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในที่พักที่ยอดเยี่ยมที่สุดในดูไบ
“W Dubai – Mina Seyahi” ตั้งอยู่ในเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ใจกลาง ‘Al Mina al Seyahi’ (อัลมินา อัลเซยาฮี) ย่าน ‘Port of Travellers’ อันเป็นตำนานของ Jumeirah Beach (หาดจูเมราห์) และเป็นที่ตั้งของ Dubai International Marine Club อาคารโรงแรมเป็นตึกสูงถึง 31 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีทรวม 318 ห้อง มีล็อบบี้หันหน้าออกไปทางท่าจอดเรือหรูขนาด 300 ลำอันงดงาม สระว่ายน้ำอินฟินิตี้ สปา และห้องอาหารที่ล้ำสมัยที่สุดในดูไบ ภายในโรงแรมแห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันและเส้นสายของความทันสมัย ผสานกลิ่นอายย้อนยุค โดยใช้ ‘Al Halqa’ ศิลปะโบราณของการเล่าเรื่องภาษาอาหรับให้มีชีวิตขึ้นมาใหม่ ซึ่งนักเดินทางที่ย่างก้าวเข้ามาประหนึ่งได้สวมบทบาทตัวละคร และโลดแล่นไปตามจินตนาการสุดบรรเจิด
W Dubai ได้รับการออกแบบโดย “BLINK Design Group” (บลิ๊งค์ ดีไซน์ กรุ๊ป) บริษัทออกแบบตกแต่งภายในระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย และมีผลงานออกแบบภายในโรงแรมและรีสอร์ตลักชัวรี่มาแล้วเกือบทุกทวีป อาทิ Capella Singapore, Four Seasons Jimbaran Bay Bali, Amanfayun China, Amanoi Spa House Vietnam, Six Senses Uluwatu Bali, และ JW Marriot Khao Lak Resort & Spa Thailand
Clint Nagata (คลินต์ นากาตะ) ผู้ก่อตั้งและนักออกแบบของ BLINK อธิบายถึงผลงานสร้างสรรค์ล่าสุดว่า… BLINK ได้ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากดินแดนที่อุดมไปด้วยศิลปะแห่งนิทานและการแสดงละคร สู่การตกแต่งภายในที่เล่าเรื่องราวในอดีตอันรุ่งเรือง ผ่านเฟอร์นิเจอร์ ผ้า และไฟ ไปจนถึงวัสดุบุผนังและพื้น ล้วนแล้วนำพาผู้เข้าพักให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว และได้สัมผัสกับการพักผ่อนระดับลักชัวรี่อย่างมีสไตล์
ห้องพักของ W Dubai ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ตั้งแต่หัวเตียงบุลอนหนังสีขาว ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้นึกถึง “ใบเรือสีขาว” ของเรือเดินทะเลโบราณอย่าง “เรือดาวว์ (Dhow Boat) ประดับด้วยโคมไฟ Arabian Nights แบบอาหรับโทนสีพระอาทิตย์ตกที่หรูหรา ส่องสว่างสะท้อนผนังแบบลอยตัวพื้นผิวกระดาษอันละเอียดอ่อน โต๊ะข้างเตียงเป็นหีบสีทอง ชวนให้นึกถึงกระเป๋าเดินทางล้ำค่าของนักเดินทางที่เก็บของที่ระลึกและการค้นพบต่าง ๆ อีกข้างเป็นโซฟานั่งเล่น พร้อมมินิบาร์สุดคลาสสิกทำด้วยทองเหลืองเคลือบสีน้ำเงินเข้ม เป็นพื้นที่สำหรับวันพักผ่อนเหนือระดับอย่างลงตัว ส่วนความลับเบื้องหลังผ้าม่านลอนคลื่นในเฉดสีพระอาทิตย์ตกที่ไล่ระดับ คือตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินและห้องน้ำธีมสีดำ-ขาวที่โดดเด่น เพิ่มกิมมิกด้วยบริเวณที่นั่งเล่น ส่งเสริมพิธีกรรมดื่มด่ำการอาบน้ำที่ยาวนาน
ในขณะที่การออกแบบและตกแต่ง “Ginger Moon” (จิงเจอร์มูน) ห้องอาหารและเลาจน์ริมสระน้ำที่พีคที่สุดในดูไบตอนนี้ ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคทองของท่าเรือ Mina Seyahi ผสานความเก๋ไก๋แบบโบโฮ (boho-chic) ทั้งพื้นผิวสัมผัสและสีสันที่สดใส ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่สนุกสนาน และเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตก พร้อมสัมผัสประสบการณ์การว่ายน้ำที่ให้ความรู้สึกเหมือนเชื่อมต่อกับผืนน้ำของอ่าวอาหรับที่ส่องประกายระยิบระยับ
ส่วนการออกแบบ “BAR-B SPA” (บาร์-บี สปา) ได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศของดินแดนแห่งจินตนาการอันน่าพิศวง ซึ่งแปลเป็นรูปแบบคลื่น สะท้อนภูมิทัศน์ธรรมชาติ และรายละเอียดเชิงสร้างสรรค์ที่ตระการตา ที่นี่จะมอบประสบการณ์สปาที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร โดยมีวัฒนธรรมค็อกเทลเป็นหัวใจสำคัญ ให้ทุกคนได้พบปะสังสรรค์และผ่อนคลายไปพร้อมกัน“ยิ่งเราค้นคว้าประวัติศาสตร์ของดูไบ เราก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ‘ท่าเรือแห่งนักเดินทาง’ เป็นแรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นเราจึงเริ่มต้นจากศูนย์เพื่อตกแต่งโรงแรมแห่งนี้ด้วยจิตวิญญาณของการเล่าเรื่อง จากประเพณีที่ไม่มีวันตกยุคของ Al-Halqa นักเล่าเรื่องที่เก่าแก่พอ ๆ กับวัฒนธรรมอาหรับ เพื่อสร้างสรรค์ให้ W Dubai เป็นสถานที่สำหรับให้ผู้คนยุคใหม่ได้พบปะและแบ่งปันเรื่องราวการเดินทางของพวกเขา” คลินต์ นากาตะ กล่าว