LA HAVANA

ประเทศคิวบา CUBA เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบียน คิวบามีชื่อเสียงจากวัฒนธรรมที่มีสีสัน ชายหาดอันงดงาม และป่าไม้อันเขียวชอุ่ม พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกเนื่องจากความสวยงามและสำคัญทางประวัติศาสตร์ ชมตึกยุคอาณานิคมของสเปนเมื่อห้าร้อยปีก่อน รถเก่าอเมริกันยุค 50 สีสันสดใสวิ่งขวักไขว่ตามถนน กลิ่นเคล้าซิการ์มวนโตในตรอกเล็กๆ และจิตวิญญาณของ เช เกวารา นักปฏิวัติผู้เด็ดเดี่ยว ซึ่งยังเจือจางอยู่ทั่วไปในลมหายใจของผู้คนในประเทศนี้ นี่คือมนต์เสน่ห์แห่งคิวบา

คิวบาเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลแคริบเบียน ทางตอนใต้ของอเมริกา ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งฟลอริดาของอเมริกาเพียง 150 กม. คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) นักสำรวจผู้ค้นพบทวีปอเมริกา โคลัมบัสมาถึงทวีปอเมริกาครั้งแรกในปี 1492 และจุดแรกที่เขาขึ้นฝั่งทวีปอเมริกาก็คือเกาะ “คิวบา” และในเวลาต่อมา คิวบาตกเป็นอาณานิคมของเสปน สเปนครองคิวบาอยู่สามร้อยกว่าปี ในที่สุดก็ต้องปล่อยคิวบาให้เป็นอิสระหลังสงครามกับอเมริกา

ย่านเมืองเก่าฮาวานา (Old Havana)

เมืองหลวงของคิวบา และเป็นไฮไลต์ที่สุดของคิวบา ก่อตั้งขึ้นโดยชาวสเปนใน คริสต์ศตวรรษที่ 16 ย่านนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกนีโอคลาสสิก อาร์ทเดคโคกว่า 900 อาคาร ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ มีจัตุรัสถึงสี่แห่งอยู่ ในย่านนี้ และถูกยกให้เป็นเมืองมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1982

ย่านเมืองเก่าฮาวานา หรือเรียกเป็นภาษาท้องถิ่นว่าฮาบานาวีจา (Habana Vieja) ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศคิวบา จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ใครที่มาเยือนย่านเมืองเก่าแห่งนี้จะรู้สึกเหมือนเวลาได้หยุดลง เนื่องจากสิ่งก่อสร้างต่างๆ นั้นได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ทั้งอาคารบนสถาปัตยกรรมบารอกและสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิกอย่างโบสถ์นักบุญริสโตเฟอร์ (Catedral de San Cristóbal) สถานที่ประวัติศาสตร์อย่างลาโบเดกิตาเดลเมดิโอ (Bodeguita del Medio) ร้านอาหารเก่าแก่ที่คนมีชื่อเสียงอย่าง เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ นักประพันธ์นวนิยาย แวะเวียนมาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง ป้อมฟอร์ซ่า (Castillo de la Real Fuerza) ป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกา และจัตุรัสวีจา (Plaza Vieja) สถานที่ที่เหมาะกับการดื่มด่ำค็อกเทลโมฮ๊โต้ (mojito) ท่ามกลางแสงอาทิตย์

ตรินิแดด (Trinidad)

ตรินิแดดเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก เนื่องจากเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและเป็นรองเพียงกรุงฮาวานาเท่านั้น นี้แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลยนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1800 หากท่านหลงรักในอาคารบ้านเรือนสีสว่างสดใสตั้งแต่ยุคอาณานิคมของสเปนแล้วขอแนะนำให้มาเยือนย่านเมืองเก่าที่เปิดให้เฉพาะคนเดินเท้าและคนขี่ม้าเท่านั้นเข้ามายังตลาดนัดถนนคนเดินได้ เพื่อจะเดินสำรวจอาคารบ้านเรือนดังกล่าวไปตามถนนแคบๆ ที่ปูด้วยหิน สำส่วนใครที่ต้องการพักผ่อนริมชายทะเลก็ขอแนะนำให้ไปเยือนหาดแอนคอน (Playa Ancon) ตามแนวชายฝั่งตอนใต้ และรับประทานอาหารบนร้านอาหารชั้นบนสุดที่เปิดโล่งให้ชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามของชายหาด

หุบเขาวินาเลส (Valle de Viñales)

หุบเขาวินาเลสอยู่ในเทือกเขา เซียร์รา เด โลส ออร์กาโนส (Sierra de Los Órganos) หุบเขาแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว ซึ่งรวมถึงเมืองที่เล็กมากๆ หน้าผาหินปูนที่สูงเสียดฟ้าและโค้งมน แนวต้นสนที่ตั้งตระหง่าน และฟาร์มปลูกยาสูบดั้งเดิม กิจกรรมที่นิยมทำกันในหุบเขาอันเขียวชอุ่มแห่งนี้มีทั้งการขี่จักรยาน ปีนเขา หรือขี่ม้า หุบเขานี้ยังเป็นสถานที่ปลูกยาสูบที่ใช้ทำซิการ์ของผู้ผลิตรายใหญ่ระดับประเทศและเป็นตัวอย่างของการดำเนินชีวิตในชนบทของชาวคิวบาอีกด้วย

ซิการ์ Cigar

ซิการ์คือของขึ้นชื่อที่สุดของคิวบา เพราะสภาพดิน ฟ้า อากาศเอื้ออำนวย ดังนั้นคุณภาพใบยาสูบของที่นี่จึงดีที่สุดเช่นกัน  ที่คิวบานี้เราจะได้เห็นถึงกรรมวิธีการทำซิการ์ ว่าจะต้องใช้ใบยาสูบที่ตากและถูกทำให้ชื้น ในแต่ละยี่ห้อซึ่งมีรสชาติที่แตกต่างกันไป

เซียนฟวยโกส (Cienfuegos)

เซียนฟวยโกสเป็นเมืองสไตล์ยุโรปที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันโอ่อ่า เมืองนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นปารีสแห่งคิวบาเลยก็ว่าได้เพราะได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสทั้งด้านขนบธรรมเนียมประเพณีและการใช้ชีวิต แหล่งท่องเที่ยวในเมืองนี้จะเป็นอ่าวบาเฮียเดจากัวร์ (Bahia de Jagua) และหอศิลป์ต่างๆ รอบจัตุรัสมาส (Plaza de Armas) และหากขับรถออกไปนอกเมืองทางตะวันตกจะพบกับอ่าวหมู (Bay of Pigs) ซึ่งมีแมนชั่นหลากสีสันตั้งเรียงรายอยู่

วาราเดโร (Varadero)

เมืองตากอากาศบนคาบสมุทรหาดทรายขาวยาว 20 กม. โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ 1930 ที่เริ่มมีบรรดาเศรษฐี ผู้มีอันจะกินทั้งที่โด่งดังและไม่โด่งดังโดยเฉพาะจากสหรัฐมาสร้างคฤหาสน์หรูพักร้อนที่นี่ อาทิ Irenee Du Pont และ Al Capone แม้ในปี 1959 เมื่อคิวบากลายเป็นประเทศสังคมนิยมและทำให้มีการริบอสังหาริมทรพย์ส่วนตัวเข้าเป็นสมบัติของรัฐ แต่ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1990 คิวบาเริ่มเปิดรับการลงทุนของต่างชาติอีกครั้งและทำให้วาราเดโรเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านคนให้มาเที่ยวคิวบาในแต่ละปี

Che Guevara (เช เกบารา)

เช เกวารา นักปฏิวัติผู้ไม่มีวันตาย (และเขาไม่ได้อยู่แค่ท้ายรถสิบล้อ) สำหรับคนที่ชื่นชอบเช หรือเป็นผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองที่ไปเยือน ห้ามพลาดพิพิธภัณฑ์แห่งการปฏิวัติ ด้วยประการทั้งปวง ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการปฏิวัติในช่วงปี 50 จนถึงช่วงเวลาหลังจากปี 1959 และยังมีเรื่องของการปลดแอกจากสเปนด้วย

เช เกวารา เป็นชาวอาร์เจนตินาโดยกำเนิด แต่ต่อมาได้กลายผู้นำปฏิวัติคิวบาและวีรบุรุษของกลุ่มนิยม แม้จะเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อเช เกวารา แต่ชื่อเต็มของเขาคือ เออร์เนสโต เกวารา เด ลา เซอร์นา เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1928 ที่เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา เป็นบุตรของครอบครัวฐานะปานกลาง และจบการศึกษาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส  เกวารา มีจุดยืนต่อต้านสหรัฐฯ อย่างแข็งกร้าว และได้ชักนำประเทศภายใต้ระบอบการปกครองของคาสโตร เข้าหาสหภาพโซเวียต เกวารา ใช้เวลาหลายเดือนในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะที่คองโก เพื่อฝึกสอนการทำสงครามแบบกองโจรให้กับกลุ่มกบฏ แต่ความพยายามที่ล้มเหลว ทำให้เขาตัดสินใจเดินทางกลับคิวบาอย่างเงียบ ๆ ในปี 1966 เกวาราถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1967 ที่หมู่บ้าน ลา อิเกรา ในโบลิเวีย เมื่อปี 1997 ศพของเขาถูกขุดขึ้นมาใหม่เพื่อนำกลับไปฝังยังสุสานที่ประเทศคิวบา

Museum of the Revolution พิพิธภัณฑ์แห่งการปฏิวัติ

Havana, Cuba-October 07, 2016. Ministry of the Interior building with face of Che Guevara at the Revolution Square on October 07, 2016 in Havana, Cuba.

ท่องไปในยุคต่างๆ ของประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและปั่นป่วนอยู่เสมอของคิวบาได้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งการปฏิวัติ (Museo de la Revolución) ค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับยุคอาณานิคมของชาติไปจนถึงสงครามประกาศอิสรภาพ และสงครามปฏิวัติในช่วงทศวรรษ 1950 เรียนรู้เกี่ยวกับผู้นำและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เช่น ฟิเดล คาสโตรและเช เกวารา ชมผลงานฝีมือศิลปินคิวบาผู้มีชื่อเสียง และชมตัวอย่างยานพาหนะของทหาร

พิพิธภัณฑ์แห่งการปฏิวัติตั้งอยู่ในทำเนียบประธานาธิบดีในครั้งหนึ่ง อาคารจุดสังเกตที่มีการออกแบบโดยสถาปนิกเบลเยียมที่ชื่อ พอล เบเลา ซึ่งเป็นบ้านของประธานาธิบดีและผู้เผด็จการของคิวบาระหว่าง ค.ศ. 1920-1959 ซึ่งได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในช่วงทศวรรษ 1970 ชื่นชมหน้าอาคารสไตล์นีโอคลาสสิกอลังการที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ด้านหน้าทางเข้าใหญ่ มีรถถังที่ฟิเดล คาสโตรใช้ในระหว่างเหตุการณ์การรุกรานอ่าวหมูใน ค.ศ. 1961

ก้าวเข้ามาข้างในแล้วเดินไปในห้องต่างๆ ที่โอ่โถง ซึ่งตกแต่งโดย Tiffany’s ช่างทำอัญมณีชื่อดังระดับโลกของนิวยอร์ก ซึ่งห้องหนึ่งเป็นการจำลองท้องพระโรงกระจกของพระราชวังแวร์ซาย อ้าปากค้างกับการประดับด้วยหินอ่อนและทองคำของห้อง Golden Hall ชื่นชมภาพจิตรกรรมฝีมือศิลปินคิวบา เอสเตบาน บัลเดร์รามา และมารีอาโน มิเกล กอนซาเลซ ซึ่งเกิดในสเปน

การจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาและเริ่มต้นที่ชั้นบนของอาคาร พบกับข้อมูลเกี่ยวกับคิวบายุคก่อนโคลอมเบีย ยุคอาณานิคมและสงครามประกาศอิสรภาพ การต่อสู้กับผู้ปกครองชาวสเปนในช่วงปลาย ค.ศ. 1800 ทำความเข้าใจชีวิตและอิทธิพลทางการเมืองของเช เกวารา นักปฏิวัติชาวอาร์เจนติน่า

รับความรู้เกี่ยวกับการปฏิวัติของคิวบา การยึดอำนาจที่นำโดยฟิเดล คาสโตรต่อรัฐบาลเผด็จการของฟุลเคนซิโอ บาติสตาที่สหรัฐฯ สนับสนุนระหว่าง ค.ศ. 1953-1959 พบกับเครื่องแบบทหารที่เปื้อนเลือด หุ่นจำลองการสู้รบ ภาพถ่าย และการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ในรัศมีการเดินราวๆ 10 นาทีจากจุดหมายตาสำคัญของเมือง รวมทั้งคาธีดรัลสแควร์ พลาซ่าเดอาร์มาส และมาเลกอน อนุสรณ์สถานกรันมาอยู่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์พอดี ซึ่งมีการจัดแสดงยานพาหนะทหารและเรือยอชท์ที่คาสโตรกับทหาร 81 คนเดินทางกลับคิวบาใน ค.ศ. 1956 ภายหลังการลี้ภัยในประเทศเม็กซิโก