พร้อมผนึก สิงห์ เอสเตท ในโครงการ “ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว”
ตอกย้ำกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืน เดินหน้าสู่องค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (SET: SHR) ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทระดับนานาชาติในเครือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET: S) เผยความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอีกครั้ง หลังมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนความยั่งยืนทั้ง 3 มิติในทุก ๆ การพัฒนา ส่งผลให้โรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ได้รับประกาศนียบัตร Green GlobeTM เป็นปีที่สองติดต่อกัน
ซึ่งเป็นประกาศนียบัตรด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับสากลที่ได้รับการยอมรับจากสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก (Global Sustainable Tourism Council) และองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UN World Tourism Organisation – UNWTO) ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยโรงแรมในประเทศไทยและมัลดีฟส์ที่ได้รับการรับรอง ได้แก่ ทราย ลากูน่า ภูเก็ต (SAii Laguna Phuket) ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ (SAii Phi Phi Island Village) สันติบุรี เกาะสมุย (Santiburi Koh Samui) และ โครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives) อันประกอบด้วย ทราย ลากูน มัลดีฟส์ คูริโอ คอลเลคชัน บาย ฮิลตัน (SAii Lagoon Maldives, Curion Collection by Hilton) ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) และ เดอะ มาริน่า แอด ครอสโร้ดส์ (The Marina @ CROSSROADS)
SHR ยึดมั่นในปรัชญาการพัฒนาที่ยั่งยืนและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง บน 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่
1.บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2030
2.เพิ่มพื้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพร้อยละ 30 ภายในปี 2030 โดยที่ผ่านมา SHR ตั้งเป้าอนุรักษ์พื้นที่ที่มีความหลายหลายทางชีวภาพมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการค้นพบสิ่งมีชีวิต 21 สายพันธุ์ใน Red List ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) และวางแผนการปลูกป่าตามแนวทางของสิงห์ เอสเตท รวมพื้นที่ 1 ล้านตารางเมตร ภายในปี 2025
3.ยกระดับประสบการณ์การเข้าพักผ่านโครงการด้านความยั่งยืน อาทิ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ณ เกาะพีพี และมัลดีฟส์ ตั้งเป้าต้อนรับผู้เข้าชมกว่า 50,000 คนต่อปี ที่มีโครงการที่น่าสนใจมากมาย เช่น โครงการอนุรักษ์ฉลามกบ โครงการเพาะพันธุ์ปะการัง กิจกรรมปลูกป่าโกงกาง เป็นต้น อีกทั้งยังส่งเสริมผลผลิตและวัตถุดิบที่ปลูกและจัดหาจากในโรงแรมหรือชุมชนท้องถิ่น เพื่อนำเสนอเมนูจากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร (Farm to Table) และกิจกรรมที่ส่งเสริมวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น
ในปีที่ผ่านมา SHR ได้ดำเนินโครงการด้านความยั่งยืนมากมายตามปรัชญาด้านความยั่งยืนของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น การเปิดตัว Nature Trail เส้นทางเดินสำรวจธรรมชาติ ที่ สันติบุรี เกาะสมุย เพื่อให้ผู้เข้าพักได้ศึกษาและสำรวจความอุดมสมบูรณ์ของเหล่าพืชพันธ์และสัตว์ต่าง ๆ บริเวณรีสอร์ท นำโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือ Nature Guide ในขณะที่ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ มีการติดตั้งป้าย Nature Trail ไว้ในบริเวณโครงการเช่นเดียวกัน ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าพักได้ศึกษาและรู้จักสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ ที่สามารถพบเห็นได้ในโครงการ นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมส่งเสริมชุมชนท้องถิ่น อาทิ การจัดโปรแกรมให้เด็กนักเรียนท้องถิ่นมาเยี่ยมชมโครงการความยั่งยืน และเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ทางวัฒนธรรมมัลดีฟส์ เพื่อการเผยแพร่และอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง ไปจนถึงการจัดตลาดนัด Street Market ในทุก ๆ เดือน เพื่อส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็กอีกด้วย ด้าน ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ ได้มีการปล่อยฉลามกบจำนวน 5 ตัวสู่ท้องทะเล เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในความสำเร็จจากโครงการอนุรักษ์ฉลามกบ หรือ Save Our Sharks Programme ที่รีสอร์ทได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (Phuket Marine Biological Centre) เนื่องจากในปัจจุบันประชากรฉลามได้มีจำนวนลดลง บริษัทฯ จึงเล็งเห็นความสำคัญและริเริ่มโครงการนี้ โดยนับตั้งแต่โครงการเริ่มต้นในปี 2021 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้มีการปล่อยฉลามไปแล้วถึง 30 ตัว และมีไข่ฉลามฟักเป็นตัวในบ่ออนุบาลของรีสอร์ท 29 ฟอง
นอกจากนั้น SHR ยังได้เข้าร่วมโครงการ “ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว” หรือ “Million Trees for Tomorrow: Expanding Green Conservation by Singha Estate Group” ร่วมกับ สิงห์ เอสเตท เดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโครงการปลูกป่าและดูแลพื้นที่สีเขียวเขตพื้นที่เชิงเขาและป่ารอยต่อของสิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการ “ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว” มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าแบบ 1 ต่อ 1 หรือ ทุกพื้นที่ที่ SHR พัฒนาโครงการ 1 ตารางเมตร บริษัทฯ จะเพิ่มพื้นที่ป่า 1 ตารางเมตรด้วยเช่นกัน โดยโครงการนี้ประกอบไปด้วยพื้นที่ ทั้งหมด 634 ไร่ สำหรับ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ทำการ ปลูกต้นไม้ ไป แล้วทั้งหมด 6,200 ต้น ซึ่งมี ความคืบหน้าไปแล้วกว่า 20% และในปีนี้ สิงห์ เอสเตท ได้ จัดเตรียมพรรณไม้พื้นถิ่น อย่างต้นรวงผึ้ง นำมาปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และ ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สาเหตุของภาวะเรือนกระจก พร้อมเดินหน้าสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2030
นายไมเคิล มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การดำเนินงานอย่างยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เรามุ่งมั่นอย่างมากเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคม เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รีสอร์ทในเครือ SHR ได้รับการรับรอง Green GlobeTM ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราต่อแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของทีมงานทั้งหมดของเรา และเราหวังว่าจะต่อยอดความสำเร็จนี้ในปีต่อ ๆ ไป นอกจากนั้น ได้ร่วมมือกับ สิงห์ เอสเตท ในกิจกรรมปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว เพื่อมุ่งสู่เป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) โดยในปี 2567 นี้ ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงร้อยละ 5 ต่อปี ซึ่งกิจกรรมปลูกป่านับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้เช่นกัน รวมถึงได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในกลุ่มรีสอร์ทในไทยและมัลดีฟส์ ซึ่งจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึงร้อยละ 20 และมุ่งมั่นให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในพื้นที่ที่ธุรกิจเของเราตั้งอยู่ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศอย่างมาก”
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้ที่ www.shotelsresorts.com และติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ทาง Facebook, Instagram, YouTube or LinkedIn