เกาะเจจู หรือเกาะเชจู (Jeju Island) เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงโซล และถือเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในแถบชายฝั่งด้านเหนือส่วนกลางของประเทศเกาหลีใต้ อีกทั้งยังติดอันดับจุดหมายปลายทางในฝันยอดนิยม ทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีเองและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอกจากนั้นเกาะเจจูยังเป็นเกาะที่สำคัญเนื่องจากมีตำแหน่งเป็น 1 ใน 9 จังหวัดของเกาหลีใต้ รวมถึงยังได้รับการจดทะเบียนจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกทางธรรมชาติของโลกอีกด้วย อันเป็นผลมาจากความสวยงามและความมหัศจรรย์ของเกาะแห่งนี้ ที่ธรรมชาติได้บรรจงแต่งแต้มและสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว
ไม่เพียงเท่านั้น เกาะเจจู ยังมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวไม่แพ้เมืองใหญ่อื่นๆ ในถิ่นโสมขาวแห่งนี้ เพราะนอกจากเสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันแสนจะโรแมนติก และวัฒนธรรมที่ดึงดูดให้ใครต่อใครอยากมาเยือนที่นี่แล้ว ในเรื่องของการเดินทางและการขนส่ง เกาะเจจูก็เพียบพร้อมทั้งสนามบินนานาชาติบนเกาะ รวมทั้งยังมีท่าเรือเฟอร์รี่ที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ส่วนในเรื่องของอาหารการกิน และที่พักนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่แต่อย่างใด
10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเกาะเจจู
ถ้ำหินลาวา ยอดเขาคอมุน
ถ้ำหินลาวา ในเกาะเจจูนั้นมีกว่าร้อยแห่ง แต่สถานที่ที่ถือเป็นสุดยอดของถ้ำหินลาวานั้นอยู่ในบริเวณยอดเขาคอมุนที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ ซึ่งเป็นถ้ำที่เกิดขึ้นจากการระเบิดลาวาจากยอดเขาจนกลายเป็นถ้าหินลาวามากมายกระจายไปทั่วบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำมันจางกูล ถ้ำแบ็งดีกูล ถ้ำคิมนยองกูล ถ้ำยงชอนดงกูล ถ้ำดังชอมูลดงกูล เป็นต้น โดยแต่ละถ้ำก็จะมีเอกลักษณ์และลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะถ้ำยงชอนดงกูลและถ้ำดังชอมูลดงกูลอันประกอบไปด้วยหินปูนที่มีรูปทรงที่สวยงามและหรูหราที่สุดเมื่อเทียบกับถ้ำอื่นๆ ที่เหลือ
ภูเขาฮัลลาซาน
ภูเขาฮัลลาซาน คือภูเขาไฟที่ดับแล้วซึ่งมีความสูงถึง 1,950 เมตร ถือว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเกาหลีใต้ และตั้งอยู่ตรงกลางของเกาะเจจู โดยจุดเด่นของภูเขาลูกนี้คือปล่องภูเขาไฟอันมีเส้นรอบวงที่กว้างถึง 550 เมตร และลึก 108 เมตร อีกทั้งในใจกลางกล่องนั้นมียังมีทะเลสาบเล็กๆ อยู่ด้วย สำหรับลักษณะภายนอกของฮัลลาซานนั้นมีรูปทรงคล้ายโล่ที่อยู่ในทรงคว่ำ อีกทั้งที่นี่ยังถือว่ามีระบบนิเวศที่ยอดเยี่ยมด้วยสัตว์ป่านานาชนิดและพืชพรรณที่หลากหลาย
เกาะอุโด้ Udo Island
เกาะอุโด้เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะเจจู ซึ่งคำว่าอุโด้ในภาษาเกาหลีนั้นหมายความว่าเกาะวัว อันเนื่องมาจากลักษณะของเกาะที่มองดูคล้ายวัวกำลังนอนหมอบ โดยเกาะแห่งนี้มีจุดเด่นในเรื่องของความสวยงามของธรรมชาติ และความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ ซึ่งจุดขายที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดก็คือหาดทรายปะการัง เพราะทรายที่หาดแห่งนี้เกิดจากปะการังที่ตายแล้วทับถมกันกลายเป็นทรายที่ค่อนข้างมีความหยาบ แต่ก็มีความขาวกว่าหาดทรายตามปกติ ส่วนจุดเด่นอีกอย่างก็คือน้ำทะเลอันมี 2 สีตัดกันอย่างเด่นชัด คือสีฟ้าใสในบริเวณใกล้ชายฝั่ง ที่ตัดกับสีน้ำเข้มในพื้นที่ที่ลึกลงไป ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากหินลาวาสีดำจาการปะทุของภูเขาไฟที่อยู่ใต้น้ำนั่นเอง
อ่าวซอพจิโกจิ
อ่าวซอพจิโกจิเป็นอ่าวขนาดเล็กตามความหมายของชื่อ ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเจจู ซึ่งในอดีตที่นี่เป็นเพียงแค่พื้นที่แหลมติดทะเลอันมีทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ และเต็มไปด้วยโขดหินรูปร่างแปลกตา แต่มันก็ไม่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากนัก ต่อมาได้มีการสร้างโบสถ์ ประภาคาร และอาคารต่างๆ ขึ้นในบริเวณนี้เพื่อใช้เป็นฉากหลังในการถ่ายทำละคร เนื่องจากความพิเศษของที่นี่คือในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกยูแชสีเหลืองสดจะผลิดดอกบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่งไปหมด ซึ่งเป็นภาพที่ติดตาผู้ชมจนทำให้ที่นี่กลายมาเป็นสถานที่ที่โรแมนติกที่สุดของเกาะเจจูในปัจจุบัน
โขดหินจูซังจอลรีแด
จูซังจอลรีแดคือโขดหินที่มีลักษณะแปลกแตกต่างจากโขดหินทั่วๆ ไป คือจะมีรูปทรงเป็นเสาหกเหลี่ยมซ้อมกันเป็นชั้นๆ เรียงกันลงไปจนถึงชายฝั่ง โดยทั้งหมดนี้เป็นความมหัศจรรย์ที่ถูกสร้างสรรค์จากน้ำมือของธรรมชาติล้วนๆ ซึ่งโขดหินจูซังจอลรีแดนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งบนเกาะเจจู อีกทั้งยังถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติของเกาหลีอันดับที่ 443 อีกด้วย
น้ำตกจองบัง
น้ำตกจองบังเป็นน้ำตกอันมีชื่อเสียงอีกแห่งในเกาะเจจู อีกทั้งยังมีจุดขายที่สำคัญคือเป็นน้ำตกแห่งเดียวในทวีปเอเชียที่ตกลงสู่ทะเล ในระดับความสูงถึง 23 เมตร โดยตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะเจจู นอกจากนี้จองบังยังได้ชื่อว่าเป็นน้ำตก 1 ใน 3 ของน้ำตกที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนเกาะเช่นเดียวกับน้ำตกชองจิยอนและน้ำตกชอนจียอนอีกด้วย
ยอดเขาซองซันอิลชุน Seongsan Sunrise Peak
ยอดเขาซองซันอิลซุนเป็นภูเขาที่ดับสนิทแล้วและมีความสูงประมาณ 180 เมตร มีลักษณะเป็นปากปล่องภูเขาไฟที่เกิดจากการระบิดของภูเขาไฟในทะเลน้ำตื้นเมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านเล็กๆ สุดปลายด้านตะวันออกของเกาะเจจู ซึ่งที่นี่ก็เป็นสถานท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งหนึ่งบนเกาะสวรรค์แห่งนี้ โดยนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาชมพระอาทิตย์ขึ้นบนจุดชมวิวในบริเวณปากปล่องของภูเขาไฟ และที่สำคัญที่สุดคือยอดเขาแห่งนี้ได้ถูกรับรองให้เป็นมรดกโลกอันดับที่ 1 ของเกาหลีใต้อีกด้วย
น้ำตกชอนจียอน
น้ำตกชอนจียอนมีความหมายว่าเป็นบ่อน้ำของจักรพรรดิแห่งสวรรค์ ทั้งยังมีตำนานเล่าขานว่า ในช่วงกลางคืนมักจะมีนางไม้ทั้งหมด 7 ตน ลงมาอาบน้ำที่นี่อยู่เสมอ สำหรับชอนจียอนนั้นถือว่าเป็นน้ำตกอีก 1 แห่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะ มีความสูงทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้นแรกเป็นหน้าผาสูง 22 เมตร ซึ่งน้ำที่ตกลงมาจะไหลลงสู่บ่อชอนจียอนที่อยู่ด้านล่าง ก่อนจะไหลไปสู่น้ำตกชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 เป็นลำดับ ก่อนจะไหลลงสู่ทะเล นอกจากนี้ยังการสร้างสะพานซอนอินเกียวที่แกะสลักลวดลายเป็นรูปนางไม้ทั้ง 7 อย่างสวยงาม ส่วนบริเวณรอบๆ ก็ร่มรื่นด้วยพืชพรรณนานาชนิดที่หายาก
โขดหินรูปหัวมังกร
โขดหินรูปหัวมังกรหรือชื่อในภาษาเกาหลีคือยงดูอัมร็อก ซึ่งเป็นโขดหินบะซอลต์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของเกาะ โดยรูปร่างที่มองเห็นในปัจจุบันนั้นเกิดจากก้อนหินเหล่านี้ได้ถูกคลื่นลมในทะเลกัดกร่อนเป็นเวลานาน จนทำให้มีสภาพและรูปทรงที่มองดูคล้ายกับหัวมังกรที่กำลังอ้าปากผุดขึ้นมาจากท้องทะเล นอกจากนั้นยังมีตำนานพื้นบ้านเล่าขานว่า เมื่อหลายพันปีมาแล้วมังกรตัวนี้กำลังจะไปเสาะหายาอายุวัฒนะที่ภูเขาฮัลลาซาน แต่ถูกยิงตกลงในทะเลเสียก่อน ต่อมาจึงได้กลายมาเป็นโขดหินแห่งนี้
หมู่บ้านพื้นเมืองชองอึพ
หมู่บ้านพื้นเมืองชองอึพเป็นเขตอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านและวิถีชีวิตในแบบดั้งเดิมของชาวเกาะเจจู ซึ่งในอดีตที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางด้านการปกครองของเกาะมาก่อน ดังนั้นภายในหมู่บ้านจึงมีหน่วยงานราชการเก่าอยู่หลายหลัง และสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ชาวบ้านของที่นี่ล้วนแต่เป็นมิตร โดยพวกเขาอาศัยอยู่ภายในบ้านที่สร้างด้วยหินและมุงหลังคาด้วยฟาง ทั้งยังมีกำแพงหินล้อมรอบตามแบบนิยมในสมัยโบราณ
ข้อมูลจาก มัชรูมทราเวล
Comments are closed.