“Chai Jia Chai” (ไชย เจีย ชัย) ร้านอาหารจีนกวางตุ้งไฟน์ไดนิ่ง ที่นำเสนอในรูปแบบโอมากาเสะแห่งแรกในประเทศไทย ชวนนักชิมร่วมดินเนอร์การกุศล “Helping Hands for Taiwan: Earthquake Relief Charity Dinner” ที่พาคนรักอาหารจีนออกเดินทางไปกับเมนูรสเลิศล้ำถึง 9 คอร์ส พร้อมส่งต่อน้ำใจช่วยบรรเทาภัยแผ่นดินไหวในไต้หวัน เมื่อเร็ว ๆ นี้

บรรยากาศมื้อค่ำสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Helping Hands for Taiwan: Earthquake Relief Charity Dinner” ณ Chai Jia Chai ร้านอาหารจีนกวางตุ้งไฟน์ไดน์นิ่งในกรุงเทพฯ ที่นำโดยเชฟชาวไต้หวัน อบอวลไปด้วยความรื่นรมย์ อบอุ่น และความร่วมใจกันเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวัน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ซึ่งนับเป็นมหันตภัยครั้งรุนแรงที่สุดของไต้หวันในรอบ 25 ปี สร้างความเสียหายให้กับผู้คนนับล้าน รวมถึงร้านค้า โรงเรียน และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ล้วนได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายในการบูรณะสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 22.7 พันล้านบาทไทย) และโปรเจกต์ดินเนอร์การกุศลของ Chai Jia Chai ครั้งนี้ ก็ได้เปิดโอกาสให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อาศัยในไทย ได้ร่วมใจกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวครั้งนี้ ผ่านกิมมิกอาหารจีนกวางตุ้ง “โอมากาเสะ” ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน และจะมอบรายได้ทั้งหมด (หลังหักค่าใช้จ่าย) ให้กับรัฐบาลไต้หวัน เพื่อสนับสนุนการบรรเทาภัยพิบัติฟื้นฟูชีวิตและชุมชนใน ฮวาเหลียน (Hualien) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ความพิเศษของค่ำคืนนี้ รังสรรค์โดย ‘เชฟไช่ ชื่อ เหวย’ (Chef Tsai Shih Wei) เชฟชาวไต้หวันผู้มีประสบการณ์ในร้านมิชลินมากว่า 23 ปี แห่งร้าน Chai Jia Chai ได้เผยด้านใหม่ของอาหารจีน (Cantonese Cuisine) ในสไตล์ไต้หวัน และนำเสนอในรูปแบบ “โอมากาเสะ” สุดครีเอทีฟ กับเมนูอันเลิศล้ำ 9 คอร์ส เมนูที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถันนี้ จะพานักทานท่องเที่ยวไปในดินแดนแห่งรสชาติของ “ไต้หวัน” ทั้งยังเผยให้เห็นทั้งมรดกทางวัฒนธรรมอันรุ่มรวยและอนาคตอันน่าตื่นเต้นของอาหารไต้หวัน แต่ละเมนูได้รับแรงบันดาลใจจากวัตถุดิบและประเพณีท้องถิ่นอันเป็นที่รัก นำมาตีความใหม่ด้วยสัมผัสความทันสมัย รวมถึงหยิบยกเมนู “สตรีทฟู้ด” อันโด่งดังของไต้หวันมาผสานเทคนิคการปรุงอาหารชั้นเลิศแบบกวางตุ้ง ที่จะทำให้ทั้งงานอบอวนไปด้วยรสสัมผัสและกลิ่นอายของไต้หวันอย่างแท้จริง

• คอร์สแรก เริ่มต้นการผจญภัยคอร์สอาหารจีนโอมากาเสะ กับเมนูเรียกน้ำย่อย 3 อย่าง ได้แก่ “สลัดกุ้งแลงกูสทีน” สดชื่นกับสลัดผลไม้ตามฤดูกาลและผักย่าง ออนท็อปด้วยกุ้งหวานฉ่ำ และคาเวียร์ Prunier “Osciètre” “อกเป็ดรมควันกับไข่ปลากระบอก” อกเป็ดรมควัน 14 วัน เนื้อนุ่มละมุน จับคู่กับ ไข่ปลากระบอก หรือ Mullet Roe อาหารชนชั้นสูงของไต้หวัน และ “โรลปลาหมึกราดซอสห้ารส” ปลาหมึกนุ่มยัดไส้กล้วย กระเทียม ผักชี และพริกไทย เคลือบด้วยซอสห้ารสแบบดั้งเดิม เพิ่มความอร่อยเข้มข้น
• คอร์สที่สอง ซิมโฟนีแห่งเนื้อสัมผัสและรสชาติ “หมี่กรอบหอยนางรม” (Oyster Crispy Rice Noodles) หอยนางรมสดจากทะเลไทยบนเส้นหมี่กรอบ โรยหอมเจียวหอมกรุ่น ปลาแห้ง และคาเวียร์ Prunier “Osciètre” ให้รสสัมผัสอันแตกต่างแต่ลงตัว
• คอร์สที่สาม สัมผัสประวัติศาสตร์กับ “ซุปสี่สหาย” (Four Gods Soup) ซุปรสเข้มข้นของการผสานส่วนผสมต่าง ๆ อาทิ เคียมซิก เม็ดบัว และลูกเดือย ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ขณะที่รังนก หอยเชลล์แห้ง และตังกุย เพิ่มความซับซ้อนของรสชาติ ชุ่มช่ำด้วยประวัติศาสตร์
• คอร์สที่สี่ “กระเพาะปลาตุ๋นกับหมู” (Braised Fish Maw with Pork) ลิ้มลองเมนูแห่งความหรูหรา ผ่านความนุ่มละมุนของเนื้อหมูสามชั้นกับกระเพาะปลาเนื้อพรีเมี่ยม ตุ๋นในน้ำซอสเข้มข้นกลมกล่อม พร้อมเห็ดทรัฟเฟิลดำและเผือก
• คอร์สที่ห้า คั่นระหว่างมื้อด้วย Palate Cleanser ผลไม้เชื่อมและชะเอมเทศที่ให้รสสัมผัสที่น่าแปลกใจแต่แสนอร่อย เข้ากันอย่างลงตัวกับความหวานของลูกพรุนอบแห้ง มะเขือเทศ และเถาเจียว หรือน้ำตาลดอกท้อ (peach gum)
• คอร์สที่หก ความสุขของคนรักเนื้อกับ “เนื้อสันใน A5 ตุ๋น” (Braised A5 Fillet) เนื้อสันในวากิว A5 จากคาโกชิม่าละลายในปาก ยกระดับด้วยน้ำซอสเนื้อวัวสไตล์ไต้หวันรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมหน่อไม้จีนดองและหน่อไม้ สร้างสรรค์คำที่หรูหราและน่าจดจำ
• คอร์สที่เจ็ด “ข้าวต้มล็อบสเตอร์” (Lobster Porridge) ดื่มด่ำกับแก่นแท้ของความหรูหราด้วยเมนูสุดพิเศษ ข้าวต้มล็อบสเตอร์เนื้อเนียนนุ่ม เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารที่หรูหราและอบอุ่น ชูรสชาติความหวานของล็อบสเตอร์ไทยได้อย่างลงตัว

ปิดท้ายด้วยของหวานสุดพิเศษฝีมือเชฟชื่อดังอย่าง เชฟคณิน บุญตันบุตร เชฟขนม จาก “Potong” (โพทง) ร้านอาหารไทย-จีนชื่อดังและได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ที่มาร่วมสร้างสรรค์ขนมหวานในงานนี้ เพิ่มประสบการณ์การรับประทานให้เหนือระดับยิ่งกว่าที่เคย ด้วยเมนูขนมหวานซิกเนเจอร์ ‘Famous’ (คอร์สที่แปด) และ ‘Petit Four’ (คอร์สที่เก้า) ที่นำเอาผลไม้เมืองร้อน ได้แก่ สับปะรด มะพร้าว และมะม่วง มาสร้างสรรค์เป็นของหวานตบท้ายที่สดชื่นและน่าประทับใจ ปิดท้ายมื้อค่ำเพื่อไต้หวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นอกจากอาหารอันเลิศล้ำแล้ว เชฟไช่ยังได้จับคู่อาหารกับค็อกเทลสุดพิเศษจาก “เกาเหลียง” (Kaoliang) และ “คาวาลาน” (Kavalan) เครื่องดื่มอันโด่งดังและเป็นสัญลักษณ์ของไต้หวัน ที่เข้ากันอย่างลงตัวกับอาหารแต่ละคอร์สอีกด้วย

เชฟ ไช่ ซื่อ เหว่ย กล่าวว่า “ผมรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับการสนับสนุนอันล้นหลามที่เราได้รับสำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำ ‘Helping Hands for Taiwan’ ในครั้งนี้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ร้านอาหารของเรามีส่วนร่วมในการบรรเทาทุกข์ที่ฮวาเหลียน การได้เห็นน้ำใจอันเอื้อเฟื้อของแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ทำให้ผมมีความหวังอย่างมากสำหรับอนาคต ความสำเร็จของงานเลี้ยงอาหารค่ำ “Helping Hands for Taiwan” นับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแขกผู้มีเกียรติจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย การมีส่วนร่วมของท่านเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของงานเลี้ยงครั้งนี้ และแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของชาวโลกที่มีต่อไต้หวันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

“Chai Jia Chai” อัญมณีแห่งไฟน์ไดน์นิ่งตั้งอยู่ในกลางกรุงเทพฯ บนถนนสุขุมวิท 31 เมื่อก้าวผ่านประตูสู่ “Chai Jia Chai” ซึ่งมีความหมายว่า “บ้านเชฟไช่” นักชิมจะได้สัมผัสกับดินแดนแห่งความอร่อยอันแสนสงบและอบอุ่น กับสไตล์การตกแต่งโมเดิร์น คลาสสิก ที่เชื่อมโยงกับสไตล์อาหารจีนยุคใหม่ของร้าน ฝีมือการรังสรรค์โดยเชฟผู้มีวิสัยทัศน์อย่าง ‘เชฟไช่ ชื่อ เหวย’ ด้วยประสบการณ์กว่าสองทศวรรษในการฝึกฝนฝีมือในครัวมิชลินสตาร์ทั่วโลก สู่เมนูอาหารเลิศรสที่เป็นงานศิลปะแห่งรสชาติ และสร้างบทใหม่ให้กับอาหารจีนกวางตุ้ง ด้วยการนำเสนอในรูปแบบโอมากาเสะแห่งแรกในประเทศไทย

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมและติดตามข่าวสารของห้องอาหาร Chai Jai Chai ได้ทาง Facebook: Chai Jia Chai 蔡家菜 – ไชย เจีย ชัย Instagram: chaijiachai.bkk